คสช.ระดมสมองหาประเด็นสุขภาพสำคัญสร้างวาระสุขภาพแห่งชาติ | สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ Skip to main content

    รองนายกรัฐมนตรีชวน คสช.ระดมสมองหาประเด็นสุขภาพที่สำคัญเพื่อพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ และหาแนวทางในการขับเคลื่อน เสนอ คสช.วางระบบสุขภาพผู้สูงอายุมากเป็นพิเศษ แนะให้ความรู้และฉีดวัคซีนไข้หวัดฟรี พร้อมระวังภัยโรคเท้าช้าง วัณโรค ที่อาจข้ามพรมแดนมาจากเพื่อนบ้าน เมื่อเปิดประชาคมอาเซียน
 
   วันนี้ (11 ม.ค. 2556) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การค้นหาประเด็นสุขภาพที่สำคัญ สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพของคสช.” โดยมีนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดการประชุม ร่วมด้วย ผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ นพ.โสภณ เมฆธน รวมทั้ง นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานกรรมการบริหารสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และดร.ศิรินา ปวโรฬารวิทยา ประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) โดยมีกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และกรรมการชุดต่างๆ เช่น กรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ กรรมการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านสุขภาพแห่งชาติ รวมทั้งภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนเข้าร่วมเพื่อกำหนดประเด็นสุขภาพที่สำคัญซึ่งมีผลกระทบในวงกว้าง เพื่อใช้เป็นประเด็นหลักในการพัฒนาและขับเคลื่อนงานนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ให้มีการทำงานทางวิชาการ การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบาย และการนำไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนโยบายด้วย
 
   นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับประชากรที่มีอยู่ 67 ล้านคน โดยต้องการให้ประชาชน มีสุขภาพที่ดี และแข็งแรงตามความเหมาะสม แต่การที่มีประชากรมากขึ้นนั้น ความหลากหลายของปัญหาก็มากเช่นกัน ทั้งเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพทางใจ และปัจจัยทำให้เกิดโรคในการดำรงชีวิต เช่น ความดัน และคลอเลสเตอรอล ซึ่งล้วนเกิดจากพฤติกรรม
 
   สิ่งเหล่านี้คสช.ควรจะต้องมองว่าเป็นสุขภาพแห่งชาติอย่างหนึ่ง ที่จะต้องแก้ หากแก้ทางตรงไม่ได้ ต้องแก้แบบทางอ้อม อาจต้องมีการวางแผน เช่น การสอนในโรงเรียน หาสถานที่ให้ออกกำลังกาย สร้างสื่อเพื่อแจกจ่ายให้ทราบและเข้าใจทั่วกันว่า โรคที่มาจากกิเลสนั้นที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น นายปลอดประสพกล่าว
 
   ประธาน คสช. กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมไทยและสังคมโลกเปลี่ยนไป และมีประชากรผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อดีคือ ผู้สูงอายุมีประสบการณ์ แต่ข้อเสียคือเจ็บป่วยบ่อย และมีค่ารักษาพยาบาลมาก คนสูงอายุเอง ก็มีอยู่สองแบบคือแบบมีเงินและไม่มีเงิน ซึ่งโรคไข้หวัดเป็นโรคที่ติดต่อง่ายมากและคนไทยป่วยมากที่สุด จึงเสนอให้ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ควรได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดฟรี และให้ถือเป็นบริการของรัฐ รวมถึงการรับการรักษาด้วยวัคซีนโรคต่างๆ ด้วย เนื่องจากผู้สูงอายุต้องการได้รับนโยบายสาธารณะที่เป็นพิเศษ
 
   ประธาน คสช.ยังกล่าวอีกว่า การที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน เป็นอีกปัญหาหนึ่ง เพราะการเข้าสู่อาเซียนจะทำให้โรคภัยต่างๆ สามารถข้ามพรมแดนเข้ามาได้มากกว่าปกติ โดยเฉพาะโรคที่หมดไปจากประเทศไทยไปแล้ว เช่น เท้าช้าง วัณโรค ฯลฯ ซึ่งผู้สูงอายุย่อมจะได้รับผลกระทบมากกว่าปกติด้วยเช่นกัน ขณะนี้รัฐบาลพยายามเพิ่มจุดผ่านแดนให้มากขึ้น แต่เรื่องของสุขภาพ หากกรณีที่มีคนป่วยผ่านเข้าประเทศ หนทางที่ดีกว่าการไปตรวจอาการที่ด่านผ่านแดน ก็คือการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค กระทรวงสาธารณสุขควรที่จะหยิบยกเรื่องที่กล่าวถึงมาหาทางแก้ไข ซึ่งในฐานะรองนายกรัฐมนตรีก็พร้อมที่จะสนับสนุน อย่างไรก็ตามไม่ว่าแนวคิดหรือโจทย์ใดๆ ที่คิดขึ้นมา จะต้องนำไปสู่การปฏิบัติได้ และมีความเป็นไปได้ในเรื่องของการจัดงบประมาณด้วย
 
   ทั้งนี้แนวทางการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพในประเด็นสุขภาพที่สำคัญที่ได้ในวันนี้ จะนำเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติในวันที่ 25 มกราคม 2556 นี้ ต่อไป
 

สำนักสื่อสารทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) 02-832-9140

รูปภาพ