- 289 views
วงถกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เห็นชอบ “(ร่าง) ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3” พร้อมส่งให้ “ครม.-สภาฯ” พิจารณา ใช้เป็นกรอบ-ทิศทางการทำงานด้านสุขภาพของประเทศ พร้อมรับทราบ “แผนงานหลัก 5 ปี ฉบับใหม่ของ สช. มุ่งปฏิรูประบบสุขภาพ ผ่านกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม”
![สาธิต ปิตุเตชะ](/sites/default/files/inline-images/press_65_05_09-1453.jpg)
ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2565 ซึ่งมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธาน คสช. เป็นประธาน มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 และเห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งขอให้ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วนของสังคม ร่วมกันนำไปใช้ขับเคลื่อนหรืออ้างอิง ตามบทบาทหน้าที่และอำนาจของตนต่อไป
![สาธิต ปิตุเตชะ](/sites/default/files/inline-images/press_65_05_09-1455.jpg)
ดร.สาธิต เปิดเผยว่า ขอชื่นชมผู้ที่อยู่ในกระบวนการจัดทำ (ร่าง) ธรรมนูญฯ ฉบับที่ 3 ทุกท่าน ที่ได้พัฒนาและจัดทำธรรมนูญฯ ฉบับที่ 3 ของประเทศไทย บนหลักการทางวิชาการ การมีส่วนร่วม และการสื่อสารสังคม เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการดำเนินงานด้านสุขภาพของประเทศ รวมถึงเป็นพื้นที่กลางของทุกภาคส่วนได้เข้ามาร่วมขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อนําไปสู่เป้าหมาย “ระบบสุขภาพที่เป็นธรรม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”
“ต้องขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความสำคัญกับเวทีสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นฯ และกระบวนการจัดทำธรรมนูญฯ ที่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และร่วมกันออกแบบระบบสุขภาพของทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย เพราะจากการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา เราเห็นชัดเจนแล้วว่าสุขภาพเป็นเรื่องของทุกคนจริงๆ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของบุคลากรทางการแพทย์ หรือสาธารณสุข เท่านั้น แต่ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่มาเกี่ยวข้องและกำหนดสุขภาพในทุกระดับ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ที่มากำหนดสุขภาพ” รมช. สธ. กล่าว
ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ประธานกรรมการจัดทำธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาราว 1 ปีเศษของกระบวนการร่างธรรมนูญฯ ฉบับที่ 3 ได้ผ่านขั้นตอนของการมีส่วนร่วมและรับฟังความเห็น พร้อมสื่อสารให้สังคมวงกว้างได้รู้จักธรรมนูญฯ อย่างต่อเนื่องไปแล้วหลายครั้งหลายเวที รวมถึงเวทีสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวทีที่ทุกภาคส่วนทั่วประเทศให้ฉันทมติต่อร่างธรรมนูญฯ ฉบับนี้ เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนร่วมกันต่อไป
![สุวิทย์ เมษินทรีย์](/sites/default/files/inline-images/press_65_03_23_126_0.jpg)
“สุขภาพไม่ใช่เรื่องของปัจเจก แต่เป็นเรื่องของทุกคนและของสังคมโลกด้วย หรือที่เราเรียกว่า one world one destiny มีสุขก็สุขด้วยกัน มีทุกข์ก็ทุกข์ด้วยกัน ดังนั้นธรรมนูญฯ ฉบับนี้ จึงมีแนวคิดสำคัญที่การมองระบบสุขภาพแบบองค์รวม ให้ความสำคัญกับปัจจัยแวดล้อม การพัฒนาศักยภาพคน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพราะระบบสุขภาพที่ดีและเป็นธรรม จะนำมาซึ่งความยั่งยืนของคน สังคม และประเทศ” ดร.สุวิทย์ กล่าว
![สุทธิพงษ์ วสุโสภาพล](/sites/default/files/inline-images/press_65_05_09-1457.jpg)
ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนถัดจากนี้ ที่ประชุม คสช. ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) นำเสนอ(ร่าง) ธรรมนูญฯ ฉบับที่ 3 ต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเพื่อทราบ และประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป
![ประทีป ธนกิจเจริญ](/sites/default/files/inline-images/press_65_05_09-1454.jpg)
วันเดียวกัน ที่ประชุม คสช. ยังได้มีมติรับทราบแผนงานหลัก สช. ฉบับที่ 4 ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 –2570 ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร สช. ที่ได้กำหนดทิศทางและเป้าหมายการทำงานของสช. และภาคีเครือข่ายในระยะ 5 ปี เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก โดย สช.จะเน้น 1. ทำงานใหญ่ขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพและการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม 2. ส่งเสริมสนับสนุนการใช้กลไกและเครื่องมือต่างๆ ภายใต้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติฯ 3. ทำงานร่วมกับหน่วยงานองค์กรภาคียุทธศาสตร์ 4.พัฒนาการทำงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ 5. เสริมสร้างขีดความสามารถภาคีเครือข่าย
สำหรับแผนงานหลัก สช. ในระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566–2570) จะมียุทธศาสตร์สำคัญ 4 ด้าน ประกอบด้วย 1. พัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมที่เป็นประเด็นสำคัญของประเทศ 2. ยกระดับคุณภาพกระบวนการนโยบายสาธารณะให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสถานการณ์ 3. ยกระดับความร่วมมือกับภาคียุทธศาสตร์และเพิ่มขีดความสามารถของภาคีเครือข่ายเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนและพื้นที่ 4. สื่อสารสังคมเชิงรุก
นอกจากนี้ คสช. ยังรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงาน และพิจารณาให้ข้อเสนอแนะต่อ (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบายสิทธิด้านสุขภาพกลุ่มเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติ ของคณะกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะสิทธิด้านสุขภาพกลุ่มเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติ พร้อมมอบหมายให้ สช. ประสานความร่วมมือกับ สธ. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะดังกล่าวต่อไป
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ประธานกรรมการพัฒนานโยบายสาธารณะสิทธิด้านสุขภาพกลุ่มเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางคณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการจัดทำ (ร่าง) ข้อเสนอเชิงนโยบายฯ ดังกล่าว ด้วยกระบวนการมีส่วนร่วมจากภาคีทุกภาคส่วน ซึ่งมีการประชุมหลายครั้งตั้งแต่เดือน ส.ค. 2564 – ก.พ. 2565 ก่อนเข้าสู่กระบวนการรับฟังความเห็นในช่องทางต่างๆ ช่วงเดือน มี.ค. – พ.ค. 2565 และหลังจาก คสช. ได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมในวันนี้แล้ว สช. จะร่วมกับหน่วยงาน องค์กรภาคีที่เกี่ยวข้องจัดเวทีสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น เพื่อหาฉันทมติต่อข้อเสนอเชิงนโยบายในเรื่องสิทธิด้านสุขภาพกลุ่มเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาตินี้ ในวันที่ 8 มิ.ย. 2565 ต่อไป
![ศุภกิจ ศิริลักษณ์](/sites/default/files/inline-images/press_65_05_09-1557.jpg)
“บุคคลไร้รัฐไร้สัญชาติ ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงสิทธิบริการสาธารณสุขขั้นพื้นฐานของรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติ ที่ยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางการแพทย์เช่นเดียวกับเด็กและเยาวชนสัญชาติไทย ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการด้านร่างกาย จิตใจ ของเด็กและเยาวชนกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังมีผลต่อความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาชนคนไทยโดยรวมด้วย นโยบายสาธารณะนี้จึงมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกหน่วยงาน องค์กรที่เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อส่งเสริมสนับสนุนมาตรการให้เด็กและเยาวชนไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย ได้รับการคุ้มครองสิทธิด้านสุขภาพที่เท่าเทียมและทั่วถึง ตามหลักการของสิทธิมนุษยชน และอนุสัญญาระหว่างประเทศ” นพ.ศุภกิจ กล่าว
![สาธิต ปิตุเตชะ](/sites/default/files/inline-images/press_65_05_09-1456.jpg)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:
กลุ่มงานสื่อสารสังคม สช.
โทร. 02-8329141
![คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เห็นชอบ ธรรมนูญสุขภาพฯฉบับที่ 3](/sites/default/files/images/contents/press_65_05_09-1453.jpg)