เวทีนโยบายสาธารณะสมัชชาสุขภาพสุรินทร์ เสริมพลังเครือข่ายชุมชน รับมือสังคมสูงวัย–สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา


VIEW:  126   SHARE:0     15-09-2025
เผยแพร่โดย: 
by
 สำนักนโยบายสาธารณะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (สช.อ.)

สมัชชาสุขภาพสุรินทร์ เปิดเวทีนโยบายสาธารณะ
เสริมพลังเครือข่ายชุมชน รับมือสังคมสูงวัย–สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา

       เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 เครือข่ายสมัชชาจังหวัดสุรินทร์ โดยสภาพลเมืองสุรินทร์และภาคีเครือข่าย จัดเวทีนโยบายสาธารณะสมัชชาสุขภาพจังหวัดสุรินทร์ ณ ห้องประชุมตึกช้างชมพู ชั้น 1 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ เพื่อเป็นเวทีกลางประสานความร่วมมือกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ขยายเครือข่ายการทำงาน และสร้างการรับรู้ประเด็นปัญหาสำตัญร่วมกันในระดับจังหวัด

      พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายธานี นามม่วง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธาน พร้อมด้วย นายเกษมศักดิ์ แสนโภชน์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และประธานสมัชชาสุขภาพจังหวัด กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วม และ ดร.ศุรวิษฐ์ ศิริพาณิชย์ศกุนต์ กรรมการสุขภาพแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาประชากร กล่าวถึงบทบาทของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ในการประสานระดับนโยบายและยุทธศาสตร์ด้านระบบสุขภาพ


ในระดับประเทศ ภูมิภาค และชุมชนท้องถิ่น

    ประเด็นหลักของเวที มุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายรองรับสังคมสูงวัยและธรรมนูญสุขภาพ โดยในปี 2568 สภาพลเมืองสุรินทร์ได้ดำเนินการนำมติสมัชชาไปปฏิบัติในพื้นที่นำร่อง 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลชุมแสง อำเภอจอมพระ, ตำบลตรำดม อำเภอลำดวน และตำบลคอโค อำเภอเมืองสุรินทร์ ผลลัพธ์สำคัญที่เกิดขึ้น เช่น

     ⏺ การพัฒนากิจกรรมชมรมผู้สูงอายุในชุมชน ทั้งการดูแล เยี่ยมเยียน ฟื้นฟูสภาพบ้าน รวมถึงสร้างบ้านใหม่เพื่อผู้สูงอายุยากไร้

     ⏺ การบูรณาการงบประมาณจากหลายภาคส่วน เช่น อำเภอ อบต. และการบริจาคของชุมชน

     ⏺ การผลักดันให้ผู้สูงอายุเป็นวาระสำคัญของท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนด้านอาชีพ สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม เช่น การขุดลอกหนองน้ำ ทำลานกิจกรรม และการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา  อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดด้านบุคลากร และการสื่อสารออนไลน์ของชมรมผู้สูงอายุที่ต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม 

        บทเรียนเชิงระบบ ของการทำงานในสุรินทร์ สะท้อนว่า การพัฒนาผู้สูงอายุต้องดำเนินงานแบบองค์รวม ตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนถึงวัยชรา เชื่อมโยงกับการสร้างสุขภาพ รายได้ และสวัสดิการ โดยมีเครื่องมือขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ กลไกเครือข่าย แผนงานพัฒนา และรูปธรรม เช่น หลัก “บวร” (บ้าน-วัด-โรงเรียน), ธนาคารเวลา และกองทุนสวัสดิการชุมชน

     
วงเสวนา “ตั้งรับ ปรับตัว ท่ามกลางความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา” ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของเวที ร่วมแลกเปลี่ยนบทเรียน นำเสวนาโดยพันเอก จิรัฏฐ์ ช่วงฉ่ำ  รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี  คุณยุพิน ธรรมเที่ยง ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมน  คุณพรทิพย์  มังกร คณะทำงานครอบครัวยิ้มตำบลสังขะ นางสาวชวกร ศรีโสภา ผู้จัดการมูลนิธิพัฒนาอีสาน - นางสาวสัญญา ทิพบำรุง ผู้จัดการสวนนิเวศน์เกษตรศิลป์ พบว่าภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง คล่องตัว และสามารถอุดช่องว่างการทำงานของรัฐได้จริง เช่น การระดมทุนและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ การสนับสนุนอาหารและอุปกรณ์จำเป็น ตลอดจนการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ให้เด็กและเยาวชนในศูนย์พักพิง

โดยมีข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่ออนาคต ได้แก่
1. หน่วยงานรัฐควรมีความยืดหยุ่นในการเข้าช่วยเหลือประชาชนในภาวะวิกฤต
2. พัฒนาระบบข้อมูลและกลไกการสื่อสารที่ทันต่อสถานการณ์
3. จัดทำคู่มือและการอบรมด้านการจัดการภัยพิบัติ
4. จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจของภาคประชาสังคมเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉิน


5. มีกิจกรรมดูแลด้านจิตใจและอาชีพของผู้อพยพหลังสถานการณ์คลี่คลาย

เวทีครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสุรินทร์ ที่สามารถปรับตัว ช่วยเสริมงานภาครัฐในประเด็น การเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมสูงวัย ขณะเดียวกันก็ยังสามารถรวมพลังทุกภาคส่วนเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านความมั่นคงชายแดนได้อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

ทั้งนี้ คณะทำงานพัฒนาประเด็นระบบสุขภาพในภาวะวิกฤติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กำหนดจัดการประชุมปรึกษาหารือ “การพัฒนานโยบายสาธารณะว่าด้วยระบบการบริหารจัดการเพื่อสุขภาวะในวิกฤตซ้อนวิกฤต” (กรณีผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดน) โดยจะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อกำหนดแนวทางเชิงนโยบายร่วมกันของ 4 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ (สุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี)โดยมีตัวแทนจากภาควิชาการ ภาคีเครือข่าย และสื่อมวลชนเข้าร่วมกำหนดทิศทางนโยบายสำคัญดังกล่าว กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 26 กันยายน 2568 ณ จังหวัดอุบลราชธานี

NHCO Q&A