- 221 views
ก.เกษตรฯ–สสส.-สช. สานพลังประกาศขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืน ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ “Healthy Diets for All” ลุยขับเคลื่อนอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับทุกคน สู่การประชุมสุดยอดระดับผู้นำระบบอาหารโลก UNFSS 2021 ดันบรรลุเป้าหมาย SDGs
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติและการเกษตรต่างประเทศ กล่าวในการประกาศความร่วมมือขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืน “อิ่มและดี 2030” “Healthy Diets for All” เพื่อต่อยอดพันธกิจและผลการดำเนินงาน ความร่วมมือของ 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในการสนับสนุนประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลก (UN Food Systems Summit 2021: UNFSS 2021) ว่า ได้วางแนวทางในการปรับเปลี่ยนการจัดการระบบอาหารและเกษตรไปสู่ความยั่งยืน โดยจัดเวที ชวนคิด..ชวนคุย ระดับชาติ (National Dialogues) ร่วมกัน 3 ครั้ง จนเกิดแนวทาง และมาตรการที่มุ่งเน้นการพลิกโฉมระบบอาหาร ไปสู่ระบบอาหารที่ดี ยั่งยืน และเป็นธรรมมากขึ้น เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals 2030 - SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ภายในปี 2573 โดยเฉพาะเป้าหมายด้าน “การยุติความหิวโหย การบรรลุความมั่นคงทางอาหาร ปรับปรุงภาวะโภชนาการ และส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืน” ซึ่งจะนำเสนอในการประชุมสุดยอดผู้นำระบบอาหารโลกด้วย
“การประกาศความร่วมมือขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืนของทั้ง 3 หน่วยงานครั้งนี้ จะทำให้เกิด 1.การจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ “Healthy Diets for All” เพื่อต่อยอดความร่วมมือให้เกิดผลเป็นรูปธรรม 2.การสร้างองค์ความรู้และระบบรองรับการดำเนินงาน 3.การพัฒนาระบบการจัดการร่วมกันเชิงนโยบายสู่การปฏิบัติ และ 4.การสื่อสารสังคม เพื่อเสนอประเด็นสำคัญต่อสาธารณะ จนเกิดการรับรู้ ตระหนัก และสานเสริมพลังขับเคลื่อนระบบอาหารที่ยั่งยืน” ดร.ทองเปลว กล่าว
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวว่า การขับเคลื่อนงานสร้างเสริมสุขภาพของ สสส. และภาคีเครือข่าย เกิดจากการสานพลังความร่วมมือสร้างวิถีการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาวะของคนไทย ตลอด 20 ปี ในการทำงานของ สสส. มีวัตถุประสงค์ชัดเจนคือ การสร้างเสริมสุขภาพให้คนไทยมีสุขภาพดี ทั้ง 4 มิติ ได้แก่ กาย จิต ปัญญา สังคม ซึ่งอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ถ้ากินอาหารดีต่อสุขภาพ ก็ช่วยป้องกันโรค ทำให้เราสุขภาพแข็งแรง ซึ่ง สสส. มียุทธศาสตร์การทำงานของแผนอาหารเพื่อสุขภาวะ เน้นส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาต้นแบบระบบห่วงโซ่อาหาร โดยบูรณาการทำงานระหว่างภาคีเครือข่าย เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงแหล่งอาหารปลอดภัยในครัวเรือน โรงเรียน และองค์กร ความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานครั้งนี้ สสส. จะร่วมกับภาคีเครือข่าย รวบรวมองค์ความรู้ วิเคราะห์ สังเคราะห์ จัดทำฐานข้อมูลวิชาการ การพัฒนานโยบายสาธารณะ ถอดบทเรียน สื่อสารความรู้สู่สังคม ที่สำคัญคือ มุ่งเน้นขับเคลื่อน บังคับใช้ และประเมินผลนโยบายที่สนับสนุนให้เกิดอาหารเพื่อสุขภาวะ ที่ส่งผลต่อการปรับปรุงเชิงโครงสร้างทั้งการควบคุมและส่งเสริมปัจจัยแวดล้อมด้านอาหารที่ส่งผลต่อสุขภาพ รวมทั้งสนับสนุนให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงสิทธิความเป็นพลเมืองอาหารได้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนทั้งในด้านความมั่นคงทางอาหาร อาหารปลอดภัย และโภชนาการ
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงนโยบายสาธารณะเพื่อ รับมือกับวิกฤตสุขภาพในอนาคตว่า สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้จับมือกับภาคีเครือข่าย ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาควิชาการวิชาชีพ ภาคประชาสังคมและเอกชน ร่วมกันพิจารณาข้อเสนอต่างๆ ผ่าน กระบวนการสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เพื่อผลักดันเป็นนโยบายสาธารณะที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนอย่างเป็น รูปธรรม โดยความมั่นคงทางอาหารในภาวะวิกฤต เป็นมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 13 พ.ศ.2563 ซึ่งถือเป็นก้าวย่างครั้งสำคัญของการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม เพื่อให้ประเทศไทยพร้อมรับมือกับ ภาวะวิกฤตสุขภาพใหม่ที่มีอยู่แล้ว หรือวิกฤตสุขภาพอื่นๆ ในอนาคต ในภาวะวิกฤตอย่างสถานการณ์โควิด19 เราตระหนักดีว่า ประชาชนทุกคนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ควรได้รับการคุ้มครองสิทธิ โดยสามารถ เข้าถึงอาหารได้อย่างเพียงพอ ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ และเป็นธรรม ซึ่งสาระสำคัญในระดับนโยบายคือ การบัญญัติสิทธิในอาหาร ไว้ใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ซึ่งมีเป้าหมายสอดคล้องกับร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 หมุดหมายที่ 1 คือ มุ่งให้ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นนำด้านสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปมูลค่า สูง และประเด็นยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความสามารถในการแข่งขันด้านการเกษตรสร้างมูลค่า ขณะนี้ สช. และภาคีเครือข่ายมีวงปรึกษาหารือร่วมกับสภาพัฒนเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งอยู่ ระหว่างจัดทำร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 เพื่อใช้เป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ ในระยะ 5 ปี...เราวางเป้าไว้ว่า ภายในปี 2568 ประเทศไทยจะมีความพร้อมและสามารถจัดการอาหารในภาวะ วิกฤต โดยจัดทำนโยบายและแผนปฏิบัติการระดับชาติที่มาจากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
น.สพ.ยุคล ลิ้มแหลมทอง ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนด้านความมั่นคงทางอาหารตลอดห่วงโซ่ คณะกรรมการอาหารแห่งชาติ กล่าวว่า กรอบยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศไทย เป็นยุทธศาสตร์การจัดการด้านอาหารของประเทศในด้านความมั่นคงอาหาร คุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร และอาหารศึกษา ผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เชื่อมโยงทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับอาหารจากภาคการเกษตร การแปรรูป การบริการ สู่โภชนาการ สุขภาพผู้บริโภค ตลอดจนถึงวัฒนธรรม การท่องเที่ยว การบริการและการค้า โดยน้อมนำหลัก “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นหลักคิดพื้นฐานในการวางกลยุทธ์เพื่อให้เกิดการพัฒนาในทุกมิติอย่างสมดุลเน้นการนำความรู้และปัญญามาสู่การปฏิบัติที่มีคุณธรรมและจริยธรรมรวมทั้งคำนึงถึงการปฏิรูปและพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งระดับโลกและประเทศ โดยมีความมุ่งหมายให้เป็นแผนชี้นำการดำเนินงานของทุกภาคส่วนในห่วงโซ่อาหาร ให้เกิดการรวมพลังและประสานบูรณาการการดำเนินงานต่อไป สำหรับยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงทางอาหารตลอดห่วงโซ่ มีหลักการที่สำคัญ คือการก่อให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารและโภชนาการอย่างยั่งยืน มุ่งเน้นขับเคลื่อนเพื่อรักษาความมั่นคงด้านอาหารของประเทศที่ครอบคลุมตั้งแต่ ความมั่นคงและยั่งยืนของฐานทรัพยากรธรรมชาติและปัจจัยการผลิต การบริหารจัดการในห่วงโซ่อาหารให้เกิดการผลิตและระบบการกระจายอาหารที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหมายรวมถึงการกระจายอาหารที่ส่งเสริมการบริโภคอาหารเพื่อโภชนาการ และสุขภาวะของประชาชนด้วย
ด้าน ดร.ธนวรรษ เทียนสิน ประธานคณะกรรมการความมั่นคงอาหารโลก (Chairperson of Committee on World Food Security หรือ CFS) และผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ กรุงโรม (FAO/IFAD/WFP) กล่าวว่า ในภาวะที่เกิดวิกฤตโควิด-19 สะท้อนให้เห็นว่า โลกยังเปราะบาง ระบบอาหารแต่ละประเทศ มีขีดความสามารถในการผลิต และเผชิญต่อภาวะวิกฤตไม่เหมือนกัน ดังนั้น โจทย์สำคัญคือทำอย่างไรให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัย ดีต่อสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนระบบอาหาร ไปสู่ระบบอาหารที่ยั่งยืน สร้างความตระหนักรู้ และให้ความสำคัญตั้งแต่ระดับพื้นที่ สังคมและประเทศ โดยสร้างความรู้สึกร่วมกัน ทั้งในระดับภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และเกษตรกร รวมทั้งผู้บริโภคเพื่อให้ทุกคนเข้าถึงอาหารที่ปลอดภัยอย่างทั่วถึง อิ่มอย่างมีคุณภาพ และอิ่มอย่างไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม