9 ก.ย. 68 นายเตชิต ชาวบางพรหม ผอ.สำนักนโยบายสาธารณะเขตเมือง สช. ได้ขึ้นเวทีนำเสนอผลงานการทำงานรูปแบบ TED Talk หัวข้อ Talk for Change : 9 องค์กร 9 เรื่องเล่าจุดประกายสังคม...จากใจคนทำงาน ในพิธีประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี 2567 เนื่องในวันปกรณ์ปี 2568 ณ โรงแรมปรินซ์ พาเลซ กรุงเทพฯ โดยผู้แทน สช. ได้นำเสนอหัวข้อ “ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม นำสังคมไทยสู่สุขภาวะ”
นายเตชิต กล่าวว่า วันนี้ได้มาร่วมงานประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น วันปกรณ์ปี 2568 ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ทาง สช.ได้ร่วมจัดบูธแสดงภารกิจองค์กรและการทำงานในพื้นที่เขตเมือง จุดเด่นสำคัญคือการทำงานกับกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย ทั้ง คนจนเมือง, คนข้ามเพศ , สูงวัยในอาคารสูง , กลุ่มแรงงานนอกระบบในเวลากลางคืน และคนเปราะบางที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความซับซ้อนและความแตกต่างสูง
“ สช.มีทั้งธรรมนูญสุขภาพ ที่เป็นเครื่องมือในการสร้างกลไก พัฒนาคนตัวเล็กตัวน้อย ให้มีโอกาสในการพัฒนานโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม รวมไปถึงสมัชชาสุขภาพพื้นที่และสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น โซนกรุงเทพเหนือกำลังจะมีสมัชชาสุขภาพว่าด้วยเรื่องกลุ่มเปราะบาง จัดขึ้นในวันที่ 14 ก.ย. นี้ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
ประเด็นที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น อุบัติเหตุจะฟื้นฟูผู้บาดเจ็บกลับคืนสู่สังคมให้สามารถทำงานเลี้ยงตนโดยไวได้อย่างไร, AI ethics หรือ จริยธรรม AI เป็นประเด็นที่สำคัญที่สังคมต้องเริ่มถกแถลงในการสร้างกติกาก่อนที่มนุษย์จะหมดคุณค่า , สูงวัยในคอนโด จะอยู่อย่างไรใครเป็นผู้บริบาล และกลุ่มคนจนเมือง ก็เป็นช่องว่างทางสัมคม การเพิ่มโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม นำไปสู่การสร้างสังคมสุขภาวะ ” นายเตชิต กล่าว
ในภาคบ่ายของพิธีดังกล่าว นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานในพิธีประกาศเกียรติคุณนักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2567 เนื่องใน “วันปกรณ์ 68” พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้แก่นักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น จำนวน 13 คน โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วย นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ รองศาสตราจารย์อภิญญา เวชยชัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ นางวาสนา ทองจันทร์ รองอธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และคณะกรรมการบริหารมูลนิธิฯ ร่วมแสดงความยินดีและสดุดีผู้ได้รับรางวัล
นายพลากร กล่าวว่า ในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันสังคมไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายมิติ ทั้งด้านเศรศฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ปัญหาสังคมมีความหลากหลายและซับซ้อนหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงจากภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้ล้วนกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ,ครอบครัว และความมั่นคงทางสังคมและส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน งานสังคมสงเคราะห์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะสร้างความร่วมมือให้กับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน มาร่วมพัฒนาระบบสร้างนวัตกรรมทางสังคมและยกระดับการปฏิบัติงานให้สอดคล้องต่อสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“ นักสังคมสงเคราะห์เป็นกลไกสำคัญประการหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคม และสร้างระบบคุ้มครองทางสังคม พร้อมทั้งเชื่อมโยงภาครัฐ ภาคเอกชนและชุมชนให้เกิดพลังแห่งความร่วมมือในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสังคมร่วมกัน การทำงานดังกล่าวจึงจำเป็นต้องอาศัยความรู้ ทักษะและเครื่องมือทางด้านสังคมสงเคราะห์มาบูรณาการอย่างรอบด้านควบคู่ไปกับการทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ เพื่อจัดสวัสดิการสังคม ส่งเสริมการพัฒนาสังคม และสร้างระบบคุ้มครองทางสัมคมที่มั่นคงและยั่งยืน ” นายพลากร กล่าว
สำหรับ “วันปกรณ์” คือ พิธีเชิดชูและให้เกียรตินักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยมีมูลนิธิศาสตราจารย์ปกรณ์ อังศุสิงห์ และสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับกระทรวง พม. เป็นเจ้าภาพหลัก เพื่อระลึกถึงบุคคลผู้วางรากฐานการสังคมสงเคราะห์ในประเทศไทย และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ทำงานในแวดวงสังคมสงเคราะห์ต่อไป