วันแม่

‘นครปฐม’ ประกาศเจตนาฯ ลด NCDs ลุยแจก ‘เครื่องวัดความเค็ม’ ตรวจอาหารในโรงเรียนทั้งจังหวัด


VIEW: 74   SHARE: 0     21-08-2025
เผยแพร่โดย: 
by
 กลุ่มงานสื่อสารสังคม

“รมช.อนุชา” นำทัพชาว จ.นครปฐม เดินหน้า Kick Off ประกาศเจตนารมณ์ปรับพฤติกรรม ลดปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ “NCDs” พร้อมเดินหน้าแจก “เครื่องวัดความเค็ม” ให้สถานศึกษาทั่วจังหวัดใช้ตรวจตราอาหาร-เครื่องดื่ม วางสายตรวจทำหน้าที่สอดส่อง-แจ้งผู้เกี่ยวข้อง หวังขับเคลื่อน 3 เดือนให้เห็นผล บนการใช้กรอบกติกา “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา” เป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินงาน

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2568 นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และรองประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดเวที Kick Off ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา และประกาศเจตนารมณ์ปรับพฤติกรรม ลด ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (NCDs) ในสถานศึกษาพื้นที่จังหวัดนครปฐม จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

อนุชา สะสมทรัพย์
สำหรับเวที Kick Off ในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นต่อเนื่องภายหลังจากที่ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการดำเนินงานดังกล่าวร่วมกันไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2568 ณ โรงเรียนราชินีบูรณะ (เทพผดุงพร) ซึ่งในเวทีครั้งนี้นอกจากที่จะได้มีการประกาศเจตนารมณ์ในการลดปัญหาโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ภายในสถานศึกษาร่วมกันแล้ว นายอนุชา ยังได้ทำพิธีมอบเครื่องวัดความเค็ม (Salinity meter) ให้กับผู้บริหารสถานศึกษาภายในจังหวัด เพื่อใช้ขับเคลื่อนการลดบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม ภายในโรงเรียนอีกด้วย

นายอนุชา เปิดเผยว่า ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ จะทำให้นครปฐมถือเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย ที่มีการเดินหน้าเรื่องของการสร้างความรู้ความเข้าใจในการลดโรค NCDs ภายในสถานศึกษาอย่างครอบคลุมทั้งจังหวัด ซึ่งเนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ให้กับเด็กและเยาวชนตั้งแต่ในสถานศึกษา ทั้งระดับชั้นประถมไปจนถึงมัธยม พร้อมด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทั้งคณาจารย์ และพ่อ แม่ ผู้ปกครอง

อนุชา สะสมทรัพย์
“เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องสร้างความเข้าใจ ให้เด็กในวันนี้ได้รับรู้และมีสิทธิที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัยในอนาคต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมการทานอาหารไม่เป็นประโยชน์ โดยที่โรงเรียนและครูให้ความใส่ใจ สอดแทรกความรู้เข้าไปในแต่ละมื้ออาหารของเขา ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เพื่อทำให้ลูกหลานเราเติบโตได้แบบมีคุณภาพ แต่ก็เชื่อว่าส่วนใหญ่เราจะดูแลเด็กในโรงเรียนได้เพียงมื้อเที่ยงมื้อเดียวเท่านั้น จึงขบคิดอยู่ว่าในอีกสองมื้อที่เหลืออาจไปใช้เป็นกลไกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้ามาช่วยเสริมการขับเคลื่อนในพื้นที่บ้านของเขา” นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา กล่าวอีกว่า ภายหลังจากการ Kick Off ในวันนี้ จะมีการเดินหน้าจัดตั้งกองกำลังสายตรวจ NCDs ในสถานศึกษาของ จ.นครปฐม ที่จะประกอบด้วย ครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และนักเรียนแกนนำสุขภาพ ทำหน้าที่ในการตรวจตราอาหารการกินของทุกคนในโรงเรียน รวมถึงบริเวณรอบโรงเรียนให้มีคุณภาพ ไม่หวาน มัน เค็มจนเกินไป โดยวางเป้าหมายว่าภายใน 3 เดือนข้างหน้าจะทำให้ทุกโรงเรียนในนครปฐมกลายเป็นเขตปลอดภัยจาก NCDs ซึ่งจะต้องมีการติดตามประเมินผล พร้อมหวังให้เป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนสู่จังหวัดอื่นๆ ได้ต่อไป

นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า กระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสุขภาวะในมิติต่างๆ ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมาทาง จ.นครปฐม ได้มีการขับเคลื่อนประเด็นเรื่องของการลดโรค NCDs อยู่แล้วภายใต้กลไกสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ซึ่งครั้งนี้เป็นการพุ่งเป้าการทำงานมาในโรงเรียน โดยได้ผนวกอีกหนึ่งเครื่องมือคือธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง สช. กับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้ามาใช้ในการนำร่องมาตรการต่างๆ

อภิชาติ รอดสม
“นอกจากนี้เรายังมีการมอบเครื่องมือรูปธรรมที่เป็นเครื่องวัดความเค็ม เพื่อให้สายตรวจแต่ละโรงเรียนสามารถเอาไปจุ่มวัดอาหารหรือเครื่องดื่ม เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรที่เค็มมากเกินไปแล้วต้องลดลงหรือไม่ จะได้ช่วยกันแจ้งแม่ครัว คนทำอาหาร ครู ฯลฯ ว่าต้องแก้ไข โดยในช่วงแรกได้มีการกระจายไปประมาณ 200 ชุด แล้วหลังจากนี้ก็จะมีการจัดหาเพิ่มให้ครอบคลุมทุกโรงเรียน และนอกจากเรื่องการกินแล้ว ก็ยังจะมีการกระตุ้นเรื่องของการตรวจสุขภาพร่างกาย โดยภาคีเครือข่ายสาธารณสุขเข้าไปดำเนินการตรวจคัดกรอง เจาะเลือด เช็กระดับน้ำตาล ฯลฯ” นพ.อภิชาติ กล่าว

รศ. ดร.เกศินี ประทุมสุวรรณ กรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า หลักการของสมัชชาสุขภาพนั้นคือความเท่าเทียมกัน ที่ทุกคนจะมีบทบาทเท่ากันในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีถูกผิด หยิบยกประเด็นปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งของพื้นที่เข้ามาชวนคิดชวนคุยเพื่อแสวงหาแนวทางออก ในมิติของสุขภาพซึ่งมีความเกี่ยวพันกับแทบทุกเรื่อง ทั้งสุขภาพทางกาย จิตใจ สังคม และปัญญา โดยปัจจุบันสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม มุ่งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนงานหลักๆ อยู่ 3 ประเด็น คือ อาหารปลอดภัย, ห่างไกล NCDs และ ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีประเด็นในเรื่องของการรองรับสังคมสูงวัย ซึ่งก็จะมีส่วนเกี่ยวพันกับเด็กและเยาวชน ที่ต่อไปอาจต้องกลายเป็นผู้แบกรับภาระการดูแล

เกศินี ประทุมสุวรรณ
รศ. ดร.เกศินี กล่าวว่า ประเด็นเรื่องของการลดโรค NCDs วันนี้ทาง รมช.สธ. ได้ให้ความเอาจริงเอาจัง และคาดหวังที่ต้องการเห็นมรรคผล ทางภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ก็จะมีส่วนร่วมขับเคลื่อนในเรื่องนี้ รวมถึงพร้อมมีทีมเข้าไปให้คำปรึกษา คอยช่วยเหลือคุณครูในโรงเรียน เพื่อติดตามการดำเนินงานหากปฏิบัติไปแล้วพบว่ามีจุดไหนติดขัดอย่างไร

ด้าน ดร.นภินทร ศิริไทย ผู้เชี่ยวชาญ สช. กล่าวว่า สำหรับธรรมนูญสุขภาพ เปรียบเสมือนข้อตกลงร่วมหรือกติกาของการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งในภาพใหญ่นั้นมีธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ เป็นกรอบการดำเนินงานด้านสุขภาพของประเทศ ที่มองว่าในระยะ 5 ปีว่าควรมีทิศทางอย่างไร ก่อนที่จะต้องนำมาสู่การปฏิบัติ โดยเอากรอบระดับชาติมาแปลงเป็นธรรมนูญสุขภาพระดับพื้นที่ เพื่อกำหนดเป็นกติกา เช่น ในระดับตำบลต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งทาง สช. ยังได้มีความร่วมมือกับ ศธ. ในการดำเนินธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา เป็นกติกาข้อตกลงภายในสถานศึกษา เพื่อดำเนินการสร้างสุขภาวะให้กับนักเรียนทั่วประเทศ

นภินทร ศิริไทย
ดร.นภินทร กล่าวว่า ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา อาจสามารถหยิบยกประเด็นขึ้นมาดำเนินการได้หลายเรื่อง ที่เป็นปัญหาภายใต้บริบทของสถานศึกษาแต่ละแห่ง โดยมี 6 หลักการสำคัญคือ 1. ใช้แนวคิดสุขภาพ 4 มิติ กาย จิต ปัญญา สังคม และทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ (HiAP) 2. มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง หรือชุมชน เป็นหัวใจสำคัญ 3. การเชื่อมโยงกับกลไกทรัพยากรต่างๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งทุนงบประมาณ หรือบูรณาการกับงานที่หน่วยงานอื่นอาจมีการดำเนินอยู่ 4. ใช้องค์ความรู้ วิเคราะห์ข้อมูล สถิติ ปัญหาที่เกิดขึ้นว่าต้องจัดการอย่างไร 5. มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เกิดธรรมนูญฯ 6. มีการติดตามประเมินผล

“ลักษณะสำคัญของธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา จึงเป็นกระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อค้นหาความต้องการ แล้วทำให้เกิดข้อตกลงร่วมกันเป็นฉันทมติที่ทุกคนเห็นพ้องว่าจะจัดการปัญหาอย่างไร อย่างการลดโรค NCDs ก็สามารถนำธรรมนูญฯ ไปเป็นเครื่องมือเพิ่มทางเลือกจากกิจกรรม โครงการ หรือแผนงานด้านสุขภาพที่โรงเรียนอาจดำเนินการอยู่แล้ว โดยหลังจากนี้ทาง สช. จะมีการจัดเวิร์คช็อปเพื่อให้โรงเรียนต่างๆ เข้ามาเรียนรู้กระบวนการจัดทำร่างธรรมนูญฯ แล้วเอาไปปรับใช้ในโรงเรียนได้ต่อไป และถ้าโรงเรียนไหนทำได้จริงจนเห็นผล เราก็จะเข้าไปเรียนรู้ ถอดบทเรียน เผยแพร่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับที่อื่นๆ รวมถึงอาจสังเคราะห์เป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อดำเนินการในภาพที่กว้างขึ้น” ดร.นภินทร กล่าว

อนุชา สะสมทรัพย์
ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา

NCDs

NHCO Q&A