สถิตในดวงใจตราบนิจนิรันดร์

สช.ผนึกกำลังภาคีฯ เคลื่อนธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษานำร่องภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปักหมุด จ.ศรีสะเกษ นำร่องเป็นจังหวัดแรกภาคอีสาน ยกระดับการสร้างเสริมสุขภาพกาย จิต ปัญญา และสังคม


 

28 มีนาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับเขตตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ 14 เขตสุขภาพที่ 10 กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 10 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 10 อุบลราชธานี และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สมัชชาสุขภาพจังหวัดศรีสะเกษ สมัชชาสุขภาพจังหวัดอำนาจเจริญ สมัชชาสุขภาพจังหวัดอุบลราชธานี สมัชชาสุขภาพจังหวัดมุกดาหาร และสมัชชาสุขภาพจังหวัดยโสธร จัดเวทีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาและขับเคลื่อนระบบสุขภาพ

ในสถานศึกษา และประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมศักยภาพแกนนำขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาในสถานศึกษานำร่อง เขตตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ 14 มีครูและนักเรียนจากโรงเรียนกว่า 15 แห่งมาร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ จำนวนกว่า 150 คน โดยมี นายสิริพงศ์  อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดการประชุมและให้นโยบาย ณ ห้องประชุมศูนย์ OTOP องค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ

สำหรับเวทีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา ที่มุ่งเน้นให้เด็ก เยาวชน และสถานศึกษาอันเป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคนไทยให้มีคุณภาพตามทิศทางการพัฒนาประเทศ  สอดคล้องกับธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565  ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนากระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การพัฒนาสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศให้เอื้อต่อการมีสุขภาพดี การพัฒนาศักยภาพมนุษย์ในทุกกลุ่มวัยและทุกระดับ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายระบบสุขภาพและสังคมที่เป็นธรรม มุ่งสร้างทิศทางขับเคลื่อนนโยบายด้านสุขภาพแบบบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และยกระดับการสร้างเสริมสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพปัญญา และสุขภาพสังคม ให้แก่ ผู้เรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ให้สามารถดำเนินชีวิตด้วยความผาสุกผ่านกระบวนการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพที่เชื่อมโยงทุกมิติ

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า การบันทึกข้อตกลงความร่วมมือและการประชุมเชิงปฏิบัติการเสริมศักยภาพแกนนำขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาในสถานศึกษานำร่อง เขตตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ 14  ในครั้งนี้ จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อผู้เรียน ผู้ปกครอง ครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้เรียนรู้และได้รับการบ่มเพาะการมีส่วนร่วมในวิถีประชาธิปไตยผ่านกระบวนการธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา และสามารถนำไปต่อยอดการดำเนินชีวิตให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพต่อประเทศชาติในอนาคตได้อย่างมั่นคง


นายสุภชัย  จันปุ่ม ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ  กล่าวว่า ผลที่คาดหวังในการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ คือ 1. ความร่วมมือของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการเขตพื้นที่ 14 และภาคีเครือข่ายที่ดำเนินการด้านสุขภาพทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะนำไปสู่ความร่วมมือในการสนับสนุนการดำเนินงานและขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาแบบมีส่วนร่วมตามกรอบธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2565 เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย “เรียนดี มีความสุข คุณภาพชีวิตดี”  2. ผู้เรียน ผู้ปกครอง ครู อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา มีความรอบรู้ มีทักษะ และพฤติกรรมสุขภาพที่ดี มุ่งสู่การสร้างสังคมสุขภาวะร่วมกัน


ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อดีตอธิบดีกรมสุขภาพจิต ที่ปรึกษาสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวในปาฐกถาพิเศษ เรื่อง ความสำคัญของการขับเคลื่อนระบบสุขภาพในสถานศึกษา ไว้ว่า สำหรับเด็กและเยาวชนนั้น เป็นกลุ่มที่จะเติบโตขึ้นเป็นอนาคตของประเทศ โดยสุขภาวะของกลุ่มนี้ เกี่ยวข้องกับปัจจัยทางสังคมและสุขภาพที่หลากหลาย หน่วยงานด้านสาธารณสุขหรือด้านสุขภาพเพียงอย่างเดียวไม่สามารถดำเนินการจัดการได้ ต้องอาศัยหน่วยงาน หรือภาคีจากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการนั้นถือเป็นองค์กรที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในเรื่องนี้ เนื่องจากสถานศึกษามีส่วนที่จะช่วยส่งเสริมและเอื้อให้เกิดสุขภาวะทางกาย สุขภาวะทางจิต สุขภาวะทางปัญญา รวมถึงการตระหนักรู้ มีสำนึกรับผิดรับชอบ และสุขภาวะทางสังคม ครบทุกมิติ ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550  โรงเรียนและสถานศึกษาในรูปแบบต่างๆ จึงถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างสุขภาพ ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการนำไปสู่การพัฒนาทุนมนุษย์ให้ประเทศไทย การที่จะทำให้เด็กและเยาวชนเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาต่อไปได้ในอนาคตนั้น สิ่งสำคัญคือต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง พยายามอย่าละเลยหรือมองข้ามกลุ่มบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการกำหนดเป้าหมายร่วมกัน เกิดการยอมรับในธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาร่วมกัน

 

 

NHCO Q&A