
วันที่ 29-30 ต.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายจัดกําหนดการอบรมเชิงปฏิบัติการ“การใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสารเพื่อการเปลี่ยนแปลง” (แผนงานการสร้างจังหวัดเข้มแข็งโดยใช้พื้นที่เป็นฐานบูรณาการทุกภาคส่วน) ณโรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชัน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ โดยมีแกนนำอาสาระดับจังหวัด จาก 5 จังหวัดอาสา (เชียงราย นครสวรรค์ ตราด ขอนแก่น และพัทลุง) และผู้แทนจากภาคียุทธศาสตร์เข้าร่วมการอบรม
การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้กับแกนนําอาสาระดับจังหวัด โดยใช้หลักการ SHARE+ Platform, Thailand Well-Being Index (TWBI) และข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสังคมหลากหลายด้าน เพื่อการวิเคราะห์ วางแผน และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง บนฐานแนวคิด “พื้นที่เป็นฐาน” และ “การบูรณาการทุกภาคส่วน”

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเวทีด้วยแนวคิด “สร้าง นำ ซ่อม” ชี้ว่า “การขับเคลื่อนสุขภาวะต้องอาศัยทั้งหัวใจและสมอง ใช้ข้อมูลเป็นเครื่องมือสร้างการเปลี่ยนแปลง”กล่าวว่า พวกเราเชื่อว่าสุขภาพไม่ได้เป็นแค่เรื่องภายในโรงพยาบาล ยังเป็นเรื่องอยู่ที่ชุมชน ประชาชน ต้องสร้างนำซ่อมและมองเรื่องสุขภาพในมุมที่กว้างขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของโรค ดังนั้น จึงต้องยกระดับการทำงานของภาคประชาชน ภาคประชาสังคมให้เคียงบ่าเคียงไหล่ภาควิชาการและภาครัฐ ให้มีข้อมูลเชิงประจักษ์ สามารถนำข้อมูลไปใช้ได้
“ ผมคิดว่าวันนี้เป็นวันที่สำคัญ เพราะฉะนั้นพวกเราจะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันเองและได้เรียนรู้จากวิทยากร ก็น่าจะได้ประโยชน์มากสำหรับการนำภูมิปัญญาด้านข้อมูลไปใช้ในการทำงาน ทำให้มีพลังและความมั่นใจขึ้น ” นพ.สุเทพ กล่าว

นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวบรรยายพิเศษ เรื่อง “การใช้ข้อมูลเพื่อนําการเปลี่ยนแปลง” โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้ข้อมูลเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงด้านสุขภาพในประเทศไทย โดยชี้ให้เห็นว่าอายุคาดเฉลี่ยของคนไทยไม่ได้เพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และมีการอภิปรายถึงสมรภูมิสุขภาพในบริบทของความเหลื่อมล้ำ และการระดมพลังจากหลายภาคส่วน เช่น ภาคราชการ ท้องถิ่น ประชาชน และวิชาการ เพื่อส่งเสริมสุขภาพ นอกจากนี้ยังมีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการวัดผลกระทบทางสุขภาพ เช่น การใช้ปีสุขภาวะที่หายไป (DALYs) เพื่อจัดลำดับความสำคัญของปัญหา และแสดงตัวอย่างพื้นที่ต้นแบบในการจัดการปัญหา เช่น อุบัติเหตุทางถนนและโรคเบาหวานผ่านการติดตามผลลัพธ์ และการใช้พลังชุมชนในการจัดการสุขภาพ

ขณะเดียวกัน ดร. เดชรัต สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center ได้บรรยายหัวข้อ “วิกฤติสังคมไทยในโลกที่ผันผวน” โดยวิเคราะห์สถานการณ์ “3 วิกฤตโลกปี 2568” ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ ได้แก่ วิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตสังคม และวิกฤตทรัพยากร พร้อมชี้ให้เห็นแนวโน้มความไม่แน่นอนของโลกและการกลับทิศทางของโลกาภิวัตน์ ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ทั้งการขาดดุลการค้าพืชผัก การเพิ่มขึ้นของอัตราภาษีนำเข้า และความเหลื่อมล้ำที่ขยายตัวในหลายมิติ ดร. เดชรัต เสนอให้ “การลงทุนในมนุษย์” เป็นศูนย์กลางของนโยบาย ผ่านการพัฒนาระบบดูแลผู้สูงอายุ ศูนย์เด็กเล็ก และระบบสวัสดิการถ้วนหน้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในระยะยาว

ทางด้านนพ.พินิจ ฟ้าอํานวยผล ผู้อํานวยการสํานักงานพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสุขภาพ กล่าวว่า เดิมทีแล้วคนเข้าใจว่าความเป็นเจ้าของข้อมูล คือ ใครที่ถือข้อมูลจะมีอำนาจ แต่แท้จริงแล้ว “อำนาจจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อข้อมูลถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์” พร้อมเน้นว่าการเข้าถึงและใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ คือหัวใจสำคัญของการพัฒนานโยบายและการทำงานเชิงพื้นที่ให้เกิดผลอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ ช่วง Workshop 2 ได้เสนอแนวคิด “Information Use is Power” พร้อมสาธิตเทคนิคการวิเคราะห์ข้อมูล 4 มิติ (ปัญหา–พื้นที่–ช่วงเวลา–กลุ่มอายุ) เชื่อมโยงกับตัวชี้วัด YLL, YLD และ DALY เพื่อจัดลำดับความสำคัญของปัญหาสุขภาพระดับจังหวัด

ตลอดการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ บรรดาวิทยากรได้บรรยายแก่ผู้เข้าร่วมอบรมในหลายหัวข้อ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิกการวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลแบบหลายมิติ รวมถึงการใช้เครื่องมือ AI กับการเพิ่มประสิทธิภาพในการสืบค้นและจัดการข้อมูล โดยนาย ทรงพล ตุละทา เน้นว่า “AI เป็นเพียงเครื่องมือช่วยคิด มนุษย์ยังคงเป็นผู้ตัดสินใจ” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล งานวิชาการ และการพัฒนานโยบายเชิงหลักฐาน เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับการนำไปใช้ในการทำงานขับเคลื่อนด้านสุขภาพในระดับจังหวัด อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้ารับการอบรมมีการระดมความคิดวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาสุขภาพของจังหวัด รวมถึงจัดทําแผนการปรับปรุงโครงการของทีมอาสาจังหวัดและการขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลเพื่อการเปลี่ยนแปลง
ในช่วงท้ายของการอบรม ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงจากพื้นที่ และร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์สุขภาวะจังหวัด เพื่อจัดทำ “แผนขับเคลื่อนการใช้ข้อมูลเพื่อการเปลี่ยนแปลง” ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในระดับพื้นที่ การอบรมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ “ข้อมูล–คน–ความร่วมมือ” ที่ผสานกันเพื่อสร้างสุขภาวะจังหวัดเข้มแข็งอย่างยั่งยืน สะท้อนให้เห็นว่า “ข้อมูล” ไม่ใช่เพียงตัวเลข แต่คือพลังแห่งความร่วมมือที่สามารถเชื่อมโยงคนทำงานจากทุกภาคส่วนให้มองเห็นทิศทางเดียวกัน และขับเคลื่อนสุขภาวะพื้นที่เข้มแข็งได้อย่างยั่งยืน















