พลิกบทบาทคนสูงวัย จากกลุ่มเปราะบางสู่ผู้สร้าง ศก. คาดค่าใช้จ่ายเพื่อบริโภคทะลุ 3.5 ล้านล.


VIEW: 398   SHARE: 0     26-09-2025
เผยแพร่โดย: 
by
 กลุ่มงานสื่อสารสังคม

 

สช.-สภาพัฒน์ จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประเด็น “เศรษฐกิจสูงวัย - Silver Economy” พัฒนาสู่มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พลิกบทบาทผู้สูงอายุขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย คาดปี 2576 ค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคสูงถึง 3.5 ล้านล้าน ขณะที่แนวโน้มรายได้จากการทำงานของผู้สูงอายุ เฉียด 9 แสนล้านบาท หวังดันอาชีพใหม่ Smart Farmer - Elderpreneur - Granfluencer

สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นระดับประเทศ ประเด็น การสร้างโอกาสในเศรษฐกิจสูงวัย (Creating opportunity for Silver Economy) เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2568 โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาคียุทธศาสตร์ภาควิชาการ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการและภาคประชาสังคม รวมถึงผู้แทนสมัชชาสุขภาพจังหวัด และกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) ทั่วประเทศเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

สำหรับประเด็น การสร้างโอกาสในเศรษฐกิจสูงวัย (Creating opportunity for Silver Economy) เป็นหนึ่งในข้อเสนอเชิงนโยบายที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อบรรจุเป็นระเบียบวาระใน สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 โดยประเด็นนี้มีกรอบทิศทางนโยบายสำคัญในการที่จะพลิกโฉมผู้สูงอายุ จากกลุ่มเปราะบางให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ทั้งในฐานะผู้บริโภคสินค้าและบริการ และในฐานะแรงงานหรือผู้ประกอบการ

 

น.ส.วรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานพัฒนาประเด็นการสร้างโอกาสในเศรษฐกิจสูงวัย เปิดเผยว่า ภายในปี 2576 หรืออีกไม่เกิน 10 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมีประชากรผู้สูงอายุถึง 28% หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด จึงจำเป็นต้องคิดโจทย์ใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้สามารถสร้างผลิตภาพให้กับประเทศ และมีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้

น.ส.วรวรรณ กล่าวว่า โอกาสที่เห็นได้จากผู้สูงอายุในฐานะผู้บริโภคสินค้าและบริการ พบว่ารายจ่ายเพื่อการบริโภคของผู้สูงอายุ ในปี 2566 มีจำนวน 2.18 ล้านล้านบาท คาดว่าในปี 2576 จะเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านล้านบาท จึงเป็นช่องทางที่น่ามองว่า จะมีสินค้าหรือบริการอะไรที่สามารถเข้ามารองรับ และเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ การออกแบบหรือก่อสร้าง Universal Design สินค้านวัตกรรมทางด้านสุขภาพ ธุรกิจการดูแลผู้สูงอายุ (Caregiver) ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ เป็นต้น

น.ส.วรวรรณ กล่าวอีกว่า ในทางกลับกันคือความท้าทายของผู้สูงอายุในฐานะผู้ผลิต เมื่อประชากรมีอายุมากขึ้นแล้วยิ่งมีรายได้น้อยลง โดยพบว่ากว่า 1 ใน 3 ของผู้สูงอายุ หรือ 35.7% มีแหล่งรายได้หลักจากเงินช่วยเหลือของบุตรหลาน จึงต้องมองถึงโอกาสของงานในลักษณะที่ผู้สูงอายุทำได้ เช่น งานที่ปรึกษา งานฝีมือ งานค้าขาย งานบริการ ฯลฯ รวมถึงงานในกลุ่มอาชีพใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Smart Farmer, Elderpreneur หรือแม้แต่ Granfluencer เป็นต้น โดยคาดว่าแนวโน้มรายได้จากการทำงานของผู้สูงอายุ จะเพิ่มขึ้นจาก 6.4 แสนล้านบาทในปี 2566 กลายเป็น 8.8 แสนล้านบาทในปี 2576 หรือขยายตัวเฉลี่ย 3.76% ต่อปี

นโยบายด้านสังคมสูงวัยที่ผ่านมา มักจะถูกมองในเชิงของการจัดสวัสดิการ การคุ้มครอง ฯลฯ แต่ยังไม่ค่อยได้มีการมองผู้สูงวัยในฐานะผู้ที่จะเข้ามาเป็นพลังในการขับเคลื่อนประเทศมากนัก การทำเรื่องนี้เป็นมติสมัชชาสุขภาพฯ จะช่วยสร้างความตระหนักถึงประเด็นของเศรษฐกิจสูงวัยในวงกว้างมากขึ้น แล้วจะถูกผลักดันไปสู่การทำงานของภาคส่วนต่างๆ” น.ส.วรวรรณ กล่าว

สำหรับการประชุมดังกล่าว ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเสนอเชิงนโยบายใน 4 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1. การสร้างศักยภาพของผู้สูงอายุให้คงอยู่ในตลาดแรงงานและมีรายได้เพียงพอ 2. การผลิตสินค้าและบริการที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุ 3. การสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมและเป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ 4. การสื่อสารเพื่อสร้างพลังขับเคลื่อนในเศรษฐกิจสูงวัย

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งกำหนดผลลัพธ์ในระยะสั้น (Quick Wins) เช่น การสนับสนุนแนวคิดอาชีพที่สอง (Second job) ส่งเสริมการฝึกอบรม Re-skill/Up-skill การพัฒนาระบบสนับสนุนการจ้างงานต่อหลังเกษียณ (Re-employment) การใช้จุดเด่นที่ผู้สูงอายุมีคือประสบการณ์หรือภูมิปัญญามาต่อยอดการทำงาน การจัดทำบัญชีผู้สูงอายุที่เชี่ยวชาญในสายงานต่างๆ เป็นข้อมูลเพื่อส่งเสริมการจ้างงาน การมีแพลตฟอร์มกลางช่วยจับคู่งานให้กับผู้สูงอายุ สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและระบบสนับสนุนที่จำเป็นสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจ การพัฒนาศักยภาพให้แรงงานมีความพร้อมตั้งแต่ก่อนวัยสูงอายุ การพัฒนาโมเดลบริการดูแลผู้สูงอายุในท้องถิ่นที่มีความหลากหลายมากขึ้น เป็นต้น

 

นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า กระบวนการพัฒนาประเด็นนี้ได้มีการเดินหน้าทำงานมาอย่างต่อเนื่อง โดยจัดประชุมไปแล้วหลายครั้งร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ ตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. 2568 เป็นต้นมา พร้อมกับมีการจัดเวที Policy Forum เพื่อถกแถลงถึงนวัตกรรมในการรองรับเศรษฐกิจสูงวัย ก่อนนำมาสู่การร่างข้อเสนอเชิงนโยบายและรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ ขณะเดียวกันก็ได้มีการเชื่อมโยงการขับเคลื่อนคู่ขนานระดับพื้นที่ โดยพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายประเด็นนี้ผ่านสมัชชาสุขภาพจังหวัดพะเยา ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมขับเคลื่อนเป็นพื้นที่นำร่องของการสร้างเศรษฐกิจสูงวัย

 

ดร.สัมพันธ์ ศิลปนาฎ ประธานกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 17-18 กล่าวว่า ความสำคัญของเศรษฐกิจสูงวัยนั้นไม่ใช่เรื่องของผู้สูงวัยเท่านั้น แต่ต้องมองว่าเป็นเรื่องของทุกคน ที่ไม่ว่าใครก็จะต้องเดินมาถึงช่วงวัยดังกล่าว จึงเป็นข้อเสนอที่คนทุกวัยต้องมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของ แล้วมารวมแนวคิดให้ข้อเสนอเกิดความหลากหลาย เพื่อร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย จึงอยากให้ทุกฝ่ายได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานโยบายสาธารณะ ซึ่งจะมีการพิจารณาและรับรองร่วมกันในเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568 โดยจะมีการจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

 

 

NHCO Q&A