ประชุมวิชาการ “HIA FORUM 2025” จัดเวทีบรรยายพิเศษ เปิด 5 พื้นที่ “ชัยภูมิ เชียงใหม่ ลำพูน ชลบุรี นครศรีธรรมราช” เห็นผลเป็นรูปธรรมจากการประยุกต์ใช้ “การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ HIA” ไปพัฒนานโยบาย กำหนดแผนชุมชน - ท้องถิ่นผ่านการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เพื่อการสร้างสุขภาวะยั่งยืน
เมื่อวันที่ 14 ส.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) พร้อมด้วย กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ร่วมกันจัดบรรยายพิเศษเรื่อง “แนวคิดและหลักการประยุกต์ HIA ในงานสาธารณสุข : การแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากพื้นที่” ซึ่งอยู่ภายในกิจกรรมการประชุมวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการประเมินผลกระทบทางสุขภาพ พ.ศ. 2568 (HIA FORUM 2025) “HIA กับการพัฒนาท้องถิ่นเพื่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะที่ยั่งยืน” เพื่อนำเสนอ และแลกเปลี่ยนแนวทางการประยุกต์ใช้การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ (HIA) ซึ่งเป็นเครื่องมือภายใต้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ในแต่ละพื้นที่ที่เห็นผลเป็นรูปธรรม
ดร.สุนิศา แสงจันทร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เปิดเผยว่า การทำ HIA ในประเทศไทย คือ การคาดการณ์ และตรวจสอบผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายสาธารณะ แผนงาน หรือโครงการ ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ รวมถึงทั้งในระยะสั้น และระยะยาว พร้อมกับมุ่งเน้นให้มีการใช้เครื่องมือที่หลากหลายในการดำเนินการ ตลอดจนต้องมีการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม เพื่อจะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการตัดสินใจถึงความเหมาะสมในการดำเนินนโยบาย แผนงาน หรือโครงการในการพัฒนา
ทั้งนี้ จุดเปลี่ยนที่สำคัญของการใช้ HIA ในไทยจะเป็นช่วงปี 2550 โดยมีจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 และ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติฯ ที่ใจความสำคัญคือการกำหนดให้มีการประเมินผลกระทบในทุกมิติกับโครงการที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับชุมชนอย่างมีส่วนร่วม จากเดิมการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับ HIA จะอยู่เป็นส่วนเสริมเล็กๆ ของการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่เป็นกระบวนการตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เท่านั้น
นอกจากนี้ หลังจากปี 2550 เป็นต้นมากระบวนการ HIA ยังถูกขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) มีการทำแนวทางการทำ HIA ฉบับแรก และในปี 2558 ยังมีการรวม HIA เข้าไปสู่กระบวนการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม จนเกิดเป็นการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) และในปี 2559 มีการทำหลักเกณฑ์เป็นฉบับที่ 2 ก่อนที่ต่อมาในปี 2564 คสช. จะมีการประกาศเกณฑ์ HIA ซึ่งมีความสำคัญในการใช้ประเมินผลกระทบทางนโยบายในปัจจุบัน โดยเน้นไปที่เรื่องการมีส่วนร่วมในการพัฒนา การสร้างความเป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและสุขภาพ ภายใต้หลักของสุขภาวะองค์รวม รวมไปถึงสามารถประยุกต์ใช้ในเชิงปฏิบัติได้ตามบริบทของพื้นที่
ผศ. ดร.ฤทธิรงค์ จังโกฏิ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) กล่าวถึงการศึกษาวิจัยเรื่องการใช้ HIA กับความมั่นคงทางอาหารของเทศบาลตำบลคอนสาร อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ว่า สำหรับพื้นที่ อ.คอนสาร เป็นการประยุกต์ใช้ HIA ในการเสริมสร้างศักยภาพของชุมชนเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยเหตุที่พื้นที่เลือกประเด็นนี้ เนื่องจากมีการพิจารณาจากทรัพยากรในพื้นที่ ประกอบกับขณะนี้ประชาชนกำลังเผชิญปัญหาเกี่ยวกับการใช้สารเคมีมากขึ้น จนเริ่มส่งผลกระทบต่อสัตว์ และสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในป่าและแม่น้ำ ซึ่งอาจเกิดผลต่อเนื่องไปถึงประชากรรุ่นต่อไปได้
ผศ. ดร.ฤทธิรงค์ กล่าวต่อไปว่า เริ่มแรกทางเทศบาลมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อวิเคราะห์พื้นที่ จากนั้นจึงมากำหนดขอบเขตถึงเรื่องที่จะสำรวจ และประเมินภายใต้ประเด็นความมั่นคงทางอาหาร อาทิ ศักยภาพชุมชน คุณภาพแหล่งน้ำ ฯลฯ พร้อมกับใช้เครื่องมือที่ช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของพื้นที่ในการสำรวจ และเมื่อได้ข้อมูลออกมาแล้วก็คืนข้อมูลให้กับคนในชุมชน เพื่อเข้าใจพื้นที่มากขึ้น และร่วมเสนอแนวทางแก้ไข เช่น การเสนอให้สนับสนุนให้เด็กนักเรียนบริโภคผักที่ปลอดภัยจากแหล่งที่ผลิตใน อ.คอนสาร เอง พร้อมจัดทำบัญชีเกษตรที่จะบอกถึงรายชื่อผัก และปริมาณที่ผลิตได้ เพื่อให้โรงเรียนนำไปพิจารณาตัดสินใจใช้ ฯลฯ จากนั้นก็ผลักดันข้อเสนอให้เข้าไปอยู่ในแผนพัฒนาของเทศบาล และขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.)
“ถือเป็นความโชคดีที่ปัจจุบันข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เกิดขึ้นเสมือนได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์แล้ว โดยข้อเสนอต่างๆ มีความสอดคล้องกับกิจกรรมในโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ทางพื้นที่ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดขึ้น ซึ่งคนที่ไปทำ HIA หรือคนที่อยู่ภายใต้โครงการวิจัยครั้งนี้ก็รู้สึกใจฟู และเป็นความสุขส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้น” ผศ. ดร.ฤทธิรงค์ ระบุ
ด้าน ผศ. ดร.วรางคณา นาคเสน คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวถึงการศึกษาวิจัยการใช้ HIA กับการท่องเที่ยวชุมชนของเทศบาลตำบลศรีบัวบาน อ.เมือง จ.ลำพูน และการใช้ HIA กับหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของเทศบาลตำบลออนใต้ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ว่า โดยปกติคนจำนวนไม่น้อยอาจจะคุ้นกับ HIA ในฐานะเครื่องมือในการต่อต้านอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อชุมชน แต่จริงๆ สามารถประยุกต์ใช้สำหรับนโยบายเชิงพัฒนา หรือเชิงสร้างสรรค์ได้ด้วย
ผศ. ดร.วรางคณา กล่าวต่อไปว่า อย่าง 2 พื้นที่ในงานวิจัยครั้งนี้ ซึ่งมีต้นทุนค่อนข้างดีอยู่แล้ว อาทิ ด้านทรัพยากร ด้านวัฒนธรรม ฯลฯ ก็มีการทำกระบวนการ HIA คล้ายคลึงกับที่ อ.คอนสาร ทั้งตั้งคณะทำงาน ไปจนถึงผลักดันเชิงนโยบาย แต่ในรายละเอียดก็จะมีการใช้เครื่องมือที่ต่างกันออกไป โดยพื้นที่เป็นผู้กำหนดเอง เช่น การประเมินโดยใช้แนวคิดเรื่องฉากทัศน์ (Future Thinking) แบบสำรวจ และการสนทนากลุ่ม เป็นเครื่องมือ ประกอบกับการเน้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการวางเป้าหมาย คิดต่อถึงแนวทาง และกิจกรรมที่จะนำไปสู่ฉากทัศน์ของชุมชนที่อยากเห็นในอนาคต ซึ่งก็จะกลายเป็นแผนพัฒนาของชุมชนในที่สุด
“ข้อเสนอเชิงนโยบาย ทั้ง 2 พื้นที่มีความคล้ายกัน อยากให้มีเรื่องความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น วิเคราะห์จุดเสี่ยงเพื่อความปลอดภัยทางถนน ทำข้อตกลงสำหรับนักท่องเที่ยวและคนในชุมชน ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของชุมชน ฯลฯ ส่วนการนำข้อเสนอไปทำต่อ ในส่วน ต.ศรีบัวบาน ทางชุมชนและท้องถิ่นมีการนำไปปรับใช้จัดกิจกรรม Open House ในเรื่องการท่องเที่ยว มีการแสดงสินค้า เชิญหน่วยงานระดับจังหวัด และอำเภอมาร่วมด้วย หรืออย่าง ต.ออนใต้ ที่มีการทำเรื่องหมู่บ้านอุตสาหกรรมอยู่แล้ว ก็ได้มีการนำข้อเสนอข้อหนึ่งไปพัฒนาต่อเป็นนโยบายและเข้าสู่แผนพัฒนาของท้องถิ่น คือ การทำศูนย์แสดงสินค้าและตลาด เพื่อเป็นพื้นที่แสดงสินค้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน” ผศ. ดร.วรางคณา กล่าว
ในส่วน รศ. ดร.พัชนา ใจดี คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงการศึกษาวิจัยการใช้ HIA เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับถ่ายโอนศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ การแพทย์ฉุกเฉินขององค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี (อบจ.ชลบุรี) ว่า HIA ไม่ใช่แค่สิ่งที่ใช้สำหรับการประเมินผลกระทบกับสิ่งที่ทำไปแล้ว แต่คือการทำเพื่อเตรียมความพร้อมได้ด้วย เพราะจะช่วยให้เห็นถึงผลกระทบมีโอกาสจะเกิดขึ้น ซึ่งหากเป็นเชิงบวกก็จะสามารถนำไปเป็นข้อเสนอเพื่อดำเนินการต่อได้ ขณะที่เชิงลบก็จะช่วยบ่งบอกถึงแนวทางการพัฒนาและวิธีการเพื่อป้องกันผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นกระบวนการที่สร้างการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน
รศ. ดร.พัชนา กล่าวว่า ด้วยประโยชน์ข้างต้น ประกอบกับ อบจ.ชลบุรี เล็งเห็นถึงการเกิดอุบัติเหตุจำนวนมากในพื้นที่ รวมถึงนโยบายของประเทศที่ต้องการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่น จึงทำให้ อบจ. ต้องการรู้ถึงสิ่งที่จะต้องเตรียมการหากจะตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุฯ ของตนเอง และนำมาสู่การใช้ HIA ในครั้งนี้ ซึ่งในการดำเนินการก็มีการปรับวิธีการของ HIA ที่มีความยืดหยุ่นอยู่แล้วให้เหมาะสมกับบริบทประเด็นที่ประเมิน ตลอดจนกลุ่มเป้าหมาย เช่น การจัดเวทีรับฟังความเห็น 2 ฝ่าย คือ ผู้ให้บริการ และผู้รับบริการ ซึ่งทำให้ได้ผลจากขั้นตอนที่ 1 และ 2 ตามกระบวนการ HIA จากการจัดกิจกรรมเพียงครั้งเดียว
“จากกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็เกิดเป็นข้อเสนอชุดหนึ่ง โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. ข้อเสนอสำหรับผู้ให้บริการ และ 2. สำหรับผู้รับบริการ และก็มีการนำไปเสนอกับผู้กำหนดนโยบาย ซึ่งก็คือนายก อบจ.ชลบุรี โดยหลังจากนั้น ทาง อบจ. ก็ได้บรรจุเรื่องของการพัฒนาสมรรถนะกำลังคนในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในปี 2568 นี้แล้ว รวมถึงมีแผนระยะยาวที่จะจัดตั้งศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการฯ อีกทั้งยังมีแผนการลงทุนของกองสาธารณสุขด้วยว่าจะไปตั้งศูนย์ฯ ที่ไหน” รศ. ดร.พัชนา กล่าวถึงผลที่เกิดขึ้น
ขณะที่ ผศ. ดร.พิมาน ธีระรัตนสุนทร สำนักวิชาสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวถึงการใช้ HIA กับการสร้างความมั่นคงทางอาหารของ ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ว่า พื้นที่ ต.ท่าศาลา ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ทะเลมีความอุดมสมบูรณ์ ทว่า ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม พายุ ฯลฯ อีกทั้งยังปัจจัยด้านความเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ จนทำให้ความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลลดลง และเป็นเหตุให้มีการเข้ามาของภาคธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนพื้นที่ริมทะเลให้เป็นท่าเทียบเรือ
อย่างไรก็ตาม ด้วยการมองเห็นถึงความสมบูรณ์ที่ยังคงมีอยู่ และความมั่นคงทางอาหารอาจหายไปถ้ามีการทำท่าเทียบเรือ ประชาชนในพื้นที่ก็ได้มีการร่วมมือกันในการใช้กระบวนการต่างๆ ทั้งทางวัฒนธรรม การกำหนดกฎเกณฑ์การใช้ประโยชน์จากทะเล เช่น การกำหนดชนิดของอวนดักปลาที่สามารถใช้ได้เพื่อไม่ไปทำลายระบบนิเวศทางทะเล เป็นอาทิ ไปจนถึงใช้หลักความรู้ทางวิชาการในการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารที่ยั่งยืน
“เดี๋ยวนี้สิ่งที่คนในพื้นที่พบคือความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งปลา ปู กุ้ง เพราะเมื่อระบบนิเวศสมบูรณ์มั่งคั่ง ความมั่นคงทางอาหารก็มี ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ถือเป็นวาระของการเรียนรู้เพื่อป้องกันตนเองของชุมชน แต่เขาอาจจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำเป็นกระบวนการ HIA หรือ CHIA (การประเมินผลกระทบทางสุขภาพโดยชุมชน) อีกทั้งยังมีการผลักเป็นนโยบายที่ต้องทำร่วมกัน และเป็นกฎกติการ่วมกันเพื่อความมั่นคงของการเรียนรู้เรื่องผลกระทบทางสุขภาพ เพราะแค่ปูตัวเดียว ปลาตัวเดียว จะส่งผลกระทบหมดทั้งกาย จิต สังคม จิตวิญญาณ” ผศ. ดร.พิมาน กล่าวตอนท้าย