สช. ร่วมกับองค์การอนามัยโลก จัดเสวนาออนไลน์ระดับโลก เรื่อง ทำให้การมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ เพื่อสุขภาวะที่ดีของสังคม


VIEW:  49   SHARE:0     03-10-2025
เผยแพร่โดย: 
by
 กลุ่มงานสื่อสารสังคม

เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ.2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับองค์การอนามัยโลก (WHO) และเครือข่าย UHC2030 จัดเสวนาออนไลน์ระดับโลกว่าด้วยการสร้างการมีส่วนร่วมของสังคม ให้เป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ โดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขับเคลื่อนมติสมัชชาอนัมยโลก พ.ศ.2567 เรื่อง Social Particiaption for UHC, Health and Well-being ที่มี สช. ในนามประเทศไทยและชาติสมาชิกร่วมผลักดัน นอกจากนี้มีผู้แทนจากหลายประเทศเข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด และมีผู้เข้าร่วมในรูปแบบออนไลน์จาก 6 ทวีป กว่า 80 ประเทศ ทั่วโลก และมากกว่า 150 คน


ดร.ทิพิชา โปษยานนท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่าการกำหนดนโยบายที่ดีต้องอาศัยพลังจากภาคสังคม ไม่ใช่รัฐเพียงฝ่ายเดียว ไทยพร้อมร่วมมือกับองค์การอนามัยโลกและประเทศสมาชิกในการพัฒนากลไกการมีส่วนร่วมเชิงสถาบันให้เข้มแข็ง


คุณณนุต มธุรพจน์ ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือระหว่างประเทศ สช. กล่าวถึงประสบการณ์การจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติของไทย ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีบทบาท โดยมีตัวแทนจากภาคประชาชน 1 ใน 3 ของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับภาครัฐและนักวิชาการ พร้อมย้ำถึงความท้าทายในการติดตามและประเมินผลกระทบของการมีส่วนร่วมเชิงนโยบาย


ดร.คาลิปโซ ชาลคิดู ผู้อำนวยการด้านสมรรถนะและการเงิน องค์การอนามัยโลก ชี้ว่าการมีส่วนร่วมเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างความโปร่งใส ยั่งยืน และสนับสนุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC) รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

คุณเวสนา เคอร์สติน เพทริช ผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุข สโลวีเนีย กล่าวว่าประเทศที่ไทยและสโลวีเนียเป็นแกนนำกำลังสำรวจศักยภาพของการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความรอบรู้ทางสุขภาพ ข้อมูลเท็จ และการเสริมพลังผู้ป่วย


คุณดีนา ฟอน ไฮม์เบิร์ก มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งนอร์เวย์ นำเสนอตัวอย่างการใช้กฎหมายที่ยึดสิทธิมนุษยชน เช่น พระราชบัญญัติสิทธิผู้ป่วยและผู้ใช้บริการ ที่เปิดทางให้เสียงของผู้ใช้บริการเป็นส่วนหนึ่งของระบบสุขภาพ


คุณเฟอร์นันดา มากาโน ประธานสภาสุขภาพแห่งชาติ บราซิล ย้ำว่าการมีส่วนร่วมไม่ใช่เพียงการประชุมเฉพาะกิจ แต่ต้องถูกฝังอยู่ในระบบสุขภาพอย่างยั่งยืน ผ่านระบบสุขภาพของประเทศบราซิล ที่ดำเนินมากว่า 30 ปี

ดร.ซีนา ฮาจ อามูร์ กระทรวงสาธารณสุข ตูนิเซีย กล่าวถึงการจัดเสวนาหลายระดับ เพื่อสะท้อนเสียงจากผู้ป่วยและประชาชน พร้อมเสนอให้ปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมมากขึ้น

คุณรูธ วารูตูโม เครือข่าย Civil Society Engagement Mechanism (CSEM) ประเทศเคนยา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเคนยาระบุว่า ‘อำนาจเป็นของประชาชน’ และสุขภาพเป็นสิทธิดังนั้นทุกนโยบายด้านสุขภาพ ต้องมีประชาชนมีส่วนร่วม

คุณคริสตินา วิลเลียมส์ ในนามสภาเยาวชน จาเมกา องค์การอนามัยโลก กล่าวถึงการมีส่วนร่วมของเยาวชน โดยเน้นว่าต้องไม่ถูกแยกออกจากกระบวนการหลัก และควรมีโครงสร้างที่ชัดเจนในภาคสุขภาพ

ที่ประชุมได้ย้ำ 3 ปัจจัยสำคัญของการทำให้การมีส่วนร่วมของสังคมเกิดผลจริง ได้แก่ 1) กรอบกฎหมายที่ชัดเจน 2) การเงินที่ยั่งยืน และ 3) การมีส่วนร่วมของชุมชน พร้อมทั้งต้องมีระบบติดตามและประเมินผล เพื่อสร้างความมั่นใจว่ากระบวนการมีประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมาย

 

NHCO Q&A