เมื่อวันที่ 5-6 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน (กขป.) เขตพื้นที่ 9 และ10 ผนึกกำลังจัดเวที “สานพลังไทย รับมือสังคมสูงวัย ไปด้วยกัน Smart Aging Society: Together, We can” ณ โรงแรมสกายวิว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์
งานนี้มีผู้เข้าร่วมการประชุมกว่า 80 ท่าน จาก 9 จังหวัดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบด้วย คณะผู้บริหาร ผู้แทนภาคราชการ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะทำงานและกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 9 และ 10 ปราญช์ชาวบ้าน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม ฯลฯ เพื่อสานพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและขับเคลื่อนเรื่องการเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพในพื้นที่เขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 9 และ 10
เริ่มต้นด้วยเปิดเวที โดย นพ.พิเชษฐ พืดขุนทด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวในนามจังหวัดบุรีรัมย์ที่ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพต้อนรับภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ว่า จากข้อมูลของสำนักงานสถิติจังหวัดบุรีรัมย์ พบว่า ในปี 2560 เป็นต้นมา ประชากรวัยแรงงาน มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ประชากรวัยสูงวัยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ดังนั้น การวางแผนอย่างเป็นระบบ และการเตรียมความพร้อมด้านทรัพยากรด้านต่างๆ จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนสำคัญ
“การประชุมในครั้งนี้ เป็นโอกาสสำคัญ ที่เราจะได้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมของพื้นที่ทั้ง 9 จังหวัด อันจะนำไปสู่การพัฒนานโยบาย และมาตรการที่ตอบสนองต่อพื้นที่ได้อย่างตรงจุด สร้างสรรค์สังคม ที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของคนทุกวัย อย่างมีความสุขและมีคุณภาพ”
นพ.วรัญญู สัตยวงศ์ทิพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่าจากสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทย ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ และกำลังจะก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัย ระดับสุดยอด” การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากร จึงเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงชุมชนและท้องถิ่น เพื่อร่วมมือผลักดัน “สังคมสูงวัย” เป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องร่วมกันวางแนวทางและนโยบายที่เหมาะสม สำหรับการดูแลและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนทุกช่วงวัย
![]() |
![]() |
นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ ผู้ทรงคุณวุฒิ และประธานกรรมการบริหารโครงการสานพลังขับเคลื่อนนโยบายรองรับสังคมสูงวัยเพื่อสุขภาวะองค์รวม พ.ศ. 2568 ได้เน้นย้ำถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของประชากรในปัจจุบันที่อัตราการเจริญพันธ์ลดลง กลุ่มสูงวัยมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง สถานการณ์ดังกล่าวมิได้ส่งผลเฉพาะด้านประชากร แต่ยังส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม ระบบสาธารณสุข การศึกษา และการบริหารจัดการภาครัฐ
“ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มติดพลังสังคม (Active Aging) มีบทบาทในการส่งเสริมชุมชนและสังคม จะเป็นส่วนสำคัญในการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ซึ่งจะทำให้กลุ่มผู้อายุ สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีศักดิศรี มีสุขภาพที่ดีไปยาวนาน และเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาสังคมร่วมกับคนทุกวัย”
![]() |
![]() |
ตลอดสองวันของการประชุม ภาคเครือข่ายได้มีการแลกเปลี่ยนบทเรียน ภายใต้แนวคิด “การขับเคลื่อนรองรับสังคมสูงวัย ที่ไกลกว่าเรื่องผู้สูงอายุ
กรณีศึกษาที่ 1 “โมเดล อ.ร.ช.ร กับการรับมือสังคมสูงวัย : กรณีโรงเรียนบ้านหนองคู (โสภณประชานุกูล)” โดย จ.ส.อ.อำนาจ สังฆราม นักพัฒนาชุมชน อบต.โนนโหนน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
กรณีศึกษาที่ 2 “นักสานพลังชุมชน : กลไกจัดการสวัสดิการแบบมีส่วนร่วม” โดย คุณษมาภรณ์ นีละเสน สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดอุบลราชธานี และ อบต.เหล่าบก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี
กรณีศึกษาที่ 3 “พัฒนาคุณภาพชีวิตทุกกลุ่มวัยเพื่อสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ” โดย ว่าที่ร้อยตรีวิชัย ปิยมิตรธรรม นายก อบต.ปังกู อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์
และกรณีศึกษาที่ 4 “ธรรมนูญหายโศกเปี่ยมสุขรับมือสังคมสูงวัย” โดย นายทรงเกียรติ บุญถึง อดีตสาธารณสุขอำเภอพุทไธสง และทีมงาน อบต.หายโศก อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์
![]() |
![]() |
กิจกรรมในวันที่ 2 มีการบรรยาย “ทิศทางและบทบาทของ กขป.ในการสานพลังรับมือสังคมสูงวัย” โดยศ.(พิเศษ) นายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก ประธานกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 9 ประธานกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 9 กล่าวถึงแนวทางการบูรณาการที่ต้องอาศัยการสานพลังจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่ต้องทำทั้งแนวดิ่งและแนวราบ แนวดิ่ง ควรประสาน ผู้ว่าราชการจังหวัด / นายก อบจ. และแนวราบ คือการประสานหน่วยงานภาครัฐ / ภาคประชาสังคม
มีข้อเสนอสำคัญคือ การกำหนดประเด็น “สังคมสูงวัย” เป็นประเด็นร่วมสำคัญของ กขป.เขต 9 ภายใต้กลไกการทำงานของอนุกรรมการกขป. ที่จะส่งเสริมให้เกิดการเชื่อมประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยอบจ.จะเข้ามามีบทบาทและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาและหนุนเสริมการพัฒนา และเป็นหน่วยงานที่สำคัญ ที่จะพัฒนาร่วมกับ รพ.สต. ยิ่งจำเป็นต้องเชื่อมประสานการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ด้วยนโยบาย "คนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน" ได้แก่ อสม., หมอสาธารณสุข (พยาบาลชุมชน) และหมอครอบครัว ที่จะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาวะของประชาชนในทุกช่วงวัย
นพ.นิรันดร์ ทักษ์วัชระ ประธานกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 10 กล่าวว่าเน้นทิศทางการทำงานเพื่อรับมือสังคมสูงวัย ควรอยู่บนพื้นฐานของการสร้างกลไกเครือข่ายการสานพลังจากทุกภาคส่วน โดยเน้นพื้นที่เป็นตัวตั้ง ดำเนินการให้มีความสอดคล้องกับพื้นที่ ภายใต้การจัดการ 3 ประการ ประกอบด้วย 1. พลเมืองจัดการตัวเอง (สมัชชาสุขภาพ+ พอช.) 2.การจัดการหลายองค์กร รัฐ+ เอกชน (พชจ.พชอ./พชต.+อปท.) และ 3. การเรียนรู้ของสังคม (งานวิจัยชุมชนท้องถิ่น/สกสว.) ยึดหลักการมีส่วนร่วมและการบูรณาการเพื่อเสริมสร้างนโยบายสาธารณะสังคมสูงวัยและยกระดับการมีส่วนร่วมในการจัดบริการสาธารณะ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเกิดการขับเคลื่อนสร้างเสริมสุขภาพชุมชน ที่ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างสุขภาวะสังคมสูงวัย ที่ตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
![]() |
![]() |
พร้อมกันนั้น ยังมีการระดมสมอง “แนวทางการสานพลังรับมือสังคมสูงวัยในพื้นที่ เขต 9 และเขต 10” เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปสู่การพัฒนาเป็นประเด็นต่อยอดการขับเคลื่อนในระดับพื้นที่จังหวัด และเขตสุขภาพ ผ่านกลไกการทำงานของคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ในชุดที่ 3
สุดท้าย นพ.ประพันธ์ ตั้งศรีเกียรติสกุล ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา กล่าวปิดการประชุมโดยชี้ให้เห็นถึงโอกาสของการสานพลังในเชิงระบบเพื่อรองรับปัญหาสังคมสูงวัยของไทย ซึ่งมีความจำเป็นในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ การถอดรหัสความสามารถของผู้สูงอายุที่จะได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาระบบสวัสดิการที่จำเป็นต้องพัฒนาให้มั่นคงและยั่งยืน สร้างให้เกิดความพร้อมทั้งด้านมิติเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ และสภาพแวดล้อมที่จะนำไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้สูงอายุ
![]() |
![]() |