“เราได้เข้าสู่ยุคแห่งความปั่นป่วน ความทุกข์ทรมานของมนุษย์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เสาหลักของสันติภาพและความก้าวหน้ากําลังพังทลายลงภายใต้การลอยนวลพ้นผิด ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม และความเพิกเฉย” คือบางช่วงวรรคตอนที่ อันโตนิอู กุแตเรช เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวต่อที่ประชุมผู้นําโลกในเวทีสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UN General Assembly (UNGA)
นี่คือภาพสะท้อนที่เกิดขึ้น และทำให้ตลอดเดือนกันยายน ๒๕๖๘ สายตาผู้คนทั่วโลกต่างจับจ้องไปที่การประชุม UNGA ในโอกาสครบรอบ ๘๐ ปี แห่งการสถาปนาสหประชาชาติ ซึ่งยังพยายามที่จะถกแถลง อภิปราย เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินงาน การศึกษา และจัดทำคำแนะนำเพื่อส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ ของประเทศสมาชิก เพื่อคลี่คลายสลายความซับซ้อนเท่าที่จะเป็นไปได้
ท่ามกลางความตระหนักถึงขนาดของปัญหาเรื่องความทุกข์ทรมานของมนุษย์ และการขีดเส้นใต้เน้นย้ำสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม และสันติภาพที่กำลังพังทลายลง “ประเทศไทย” หนึ่งในประชาคมโลก ก็กำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายเหล่านี้อยู่ไม่น้อย
หนึ่งในกลไกสำคัญที่จะเข้ามาสนับสนุนการถอดสลักความขัดแย้ง ช่วยคลี่ออกให้กับปัญหาที่กำลังขมึงเกลียว ก็คือ “สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ” อันเป็นเครื่องมือที่มีกฎหมายอย่าง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้การรับรองไว้
สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เป็นเครื่องมือในการพัฒนานโยบายสาธารณะ โดยตั้งอยู่บนหลักการสำคัญของการมีส่วนร่วม การเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ สอดคล้องกับหลักการและวิธีคิดของ UNGA อันเป็นกลไกระดับโลก
หาก UNGA มีการนัดพบปะประเทศสมาชิกกันในทุกเดือน ก.ย. “สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ” ก็มีวาระในการพบปะสมาชิกในช่วงปลายปีไม่ต่างกัน
ความสำเร็จตลอดระยะเวลา ๑๗ ปีที่ผ่านมา นับจาก พ.ศ. ๒๕๕๑ ที่มีการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเป็นครั้งแรก ไม่ใช่เพียงการได้มาซึ่ง “มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ” จำนวน ๙๘ มติ หรือการที่ข้อเสนอเชิงนโยบายเหล่านี้ถูกนำไปขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขสถานการณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเท่านั้น หากดอกผลที่ได้ระหว่างทางยังเป็นการก่อร่างสร้างภาคีเครือข่าย การก่อกำเนิดของร่วมไม้ร่วมมือ ตลอดจนการเรียนรู้ร่วมกันของสังคม
แน่นอนว่า ในปี ๒๕๖๘ งานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๘ ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้วงยามที่ประเทศชาติกำลังต้องการความสามัคคี และการมีส่วนร่วมเพื่อรับมือกับความท้าทายทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ
ปีที่ ๑๘ กับ ๕ มติสมัชชาฯ ฝ่าความซับซ้อนโลก
“ทั้ง ๕ ประเด็นที่เราจะพัฒนาเป็นมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ในหลายประเด็นไม่เพียงแต่จะเชื่อมโยงการทำงานระดับพื้นที่ของประเทศ แต่ยังเป็นการเชื่อมไปถึงภาพใหญ่ของโลก มองไปในอนาคต เป็นทิศทางอันดีของการนำเศรษฐกิจกับสุขภาพมาจับมือกัน และตอบสนองกับสภาวะความปั่นป่วนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นกำแพงภาษี วิกฤตทางภูมิรัฐศาสตร์ หรือภาวะภัยคุกคามต่างๆ” สัมพันธ์ ศิลปนาฎ ประธานคณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) ครั้งที่ ๑๗-๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๗-๒๕๖๘ ระบุ
งานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๘ พ.ศ. ๒๕๖๘ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๗ - ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี โดยกรอบประเด็นหลักจะมุ่งไปสู่การเดินหน้าพัฒนานโยบายภายใต้ Theme “เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน” อันเป็นผลต่อเนื่องจากครั้งที่ ๑๗
ด้วยความซับซ้อนของปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นปัญหาที่เชื่อมโยงในระดับโครงสร้าง ประเด็นที่ถูกพัฒนาเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายในปีนี้ จึงมีถึง ๕ มติด้วยกัน ได้แก่
เรื่องที่ ๑ การสร้างโอกาสในเศรษฐกิจสูงวัย (Siver Economy) มีสาระสำคัญในการเพิ่มศักยภาพของผู้สูงอายุให้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในฐานะของแรงงาน/ผู้ประกอบการ ที่ยังคงสามารถสร้างผลิตภาพให้กับประเทศ และในฐานะของผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ ช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจเกิดสินค้าและบริการที่เหมาะสม พร้อมสร้างระบบนิเวศที่เป็นมิตรเพื่อรองรับกับการเข้าสู่สังคมสูงวัย
เรื่องที่ ๒ ระบบสุขภาพเชิงรุกท่ามกลางความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ มีสาระสำคัญจากปัญหาสถานการณ์ความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์ การแข่งขันระหว่างประเทศมหาอำนาจ รวมถึงนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่มีผลกระทบมาสู่ประเทศไทย จะทำอย่างไรเพื่อให้ระบบสุขภาพของไทยสามารถพึ่งพาตนเอง รวมถึงสามารถตั้งรับและตอบสนองต่อผลกระทบจากสถานการณ์ความผันผวนต่างๆ ที่เกินคาดเดา
เรื่องที่ ๓ การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างเป็นธรรมด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ มีสาระสำคัญในการสนับสนุนการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ไปพร้อมกับการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ รวมถึงสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับชุมชน บนแนวทางของการบริหารจัดการทั้งวงจร ตั้งแต่การผลิต ติดตั้ง ใช้งาน ไปจนถึงการกำจัดหลังสิ้นอายุ
เรื่องที่ ๔ ระบบบริหารจัดการเพื่อสุขภาวะในวิกฤตช้อนวิกฤต มีสาระสำคัญในเรื่องของระบบการบริหารจัดการกับภาวะวิกฤตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติ โรคระบาด เหตุการณ์ความไม่สงบ ฯลฯ โดยมุ่งเน้นไปที่ระยะของการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดเหตุ การเสริมสร้างความเข้มแข็งเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากผลกระทบ ลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
เรื่องที่ ๕ กลไกขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับพื้นที่ มีสาระสำคัญไปที่การสนับสนุนการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ภายในระยะเวลาก่อนถึงเป้าหมายปี ๒๕๗๓ โดยมุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ ซึ่งต้องการนโยบายที่มีความจำเพาะเจาะจงตามบริบทและประเด็นของความยั่งยืนที่มีความแตกต่างกันออกไปของท้องถิ่นแต่ละแห่ง
อาจารย์สัมพันธ์ สะท้อนว่า การหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาหารือ พร้อมวางแนวทางการมองไปในอนาคต มองไปในภาพที่ใหญ่ขึ้นล่วงหน้าก่อนคนอื่น จะทำให้ประเทศไทยมีบทบาทในการเป็นผู้นำ และตอกย้ำความก้าวหน้าของระบบสุขภาพไทยในเวทีโลก
เพิ่มชีวิตชีวาด้วยพื้นที่ ‘ตลาดนัดนโยบาย’
นอกจากการร่วมกันพิจารณาระเบียบวาระที่มีถึง ๕ มติแล้ว กิจกรรมภายใน สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๘ ยังถือว่ามีความน่าสนใจอีกหลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ของ “ตลาดนัดนโยบาย” ที่เข้ามาช่วยสร้างสีสันและความมีชีวิตชีวาให้กับภาคีเครือข่ายที่เข้าร่วมงาน จากกิจกรรมที่ถูกออกแบบเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- Policy Seed & Connect
ตลาดแลกไอเดีย เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนให้ภาคีเครือข่ายต่างๆ สามารถมาขายไอเดียเพื่อต่อยอดการทำงานร่วมกันในอนาคต
- Policy Talk of Change
เวทีแลกเปลี่ยนมุมมอง พื้นที่ของการพูดคุยผ่านรูปแบบ TED Talk หรือเวทีเสวนา เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองในการทำงาน รวมถึงสามารถถาม-ตอบกันแบบ Real-time ได้ผ่าน QR code
- Policy Co-Creation Lab
ห้องสร้างนโยบายร่วม พื้นที่เวิร์กช็อปให้ภาคีเครือข่ายและผู้เข้าร่วม ได้เข้ามาออกแบบนโยบายจริง ผ่านกระบวนการทำงานแบบ Design Thinking, Policy Canvas ฯลฯ และเป็นช่องทางที่สามารถเสนอเข้าสู่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๙
- Policy Complex
สนามทดลองนโยบาย พื้นที่ของการ “ดู เล่น กิน พักผ่อน” ไม่ว่าจะเป็นการเล่นการ์ดเกม บอร์ดเกม สร้างการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พักผ่อนด้วยการนวดแผนไทย การทำยาดม ฯลฯ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้มาทำกิจกรรมและมีพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน
- Policy Communication
นิทรรศการออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นสูจิบัตร และพาสปอร์ตเพื่อสะสมคะแนนแลกของรางวัล สร้างการมีส่วนร่วมของผู้ร่วมงาน Photo Booth ที่สามารถถ่ายรูปและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออนไลน์ รวมไปถึงรายการ HealthStation Talk ที่พูดคุยเจาะลึกในประเด็นด้านต่างๆ
เชิดชูผลงานเด่น ‘นโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ’
นอกจากนี้แล้วใน สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๘ ยังจะมีการอัปเดตสถานการณ์ หรือหยิบยกประเด็นสำคัญต่างๆ ขึ้นมารายงานและแลกเปลี่ยนพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๖ ประเด็น “การส่งเสริมความเข้มแข็งกลไกการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่” และ “การส่งเสริมการพัฒนาประชากรให้เกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ” ซึ่งเป็น ๒ มติที่กำหนดให้รายงานต่อที่ประชุมครั้งที่ ๑๘ นี้
รวมไปถึงมติต่างๆ ที่มีผลการดำเนินงานสำคัญ ทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับโรคไม่ติดต่อ (NCDs) การแก้ไขปัญหาโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี การพัฒนาระบบบริการสุขภาพเขตเมือง ไปจนถึงเรื่องของสุขภาวะคนข้ามเพศ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ภายในงานปีนี้ยังจะมีการมอบรางวัลให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานที่มีผลงานโดดเด่น ในการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพ ประกอบด้วยประเภท บุคคล หน่วยงาน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม/เอกชน จำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๐ รางวัล เพื่อแสดงถึงความชื่นชมและยกย่องในความทุ่มเทของบุคคลและหน่วยงานที่ได้ร่วมกันทำงานจนเกิดผลสำเร็จ
“ส่วนตัวมองว่าปีนี้น่าจะมีความคึกคัก เพราะแต่ละประเด็นถือเป็นเรื่องที่มีความน่าสนใจ โดยในระหว่างก่อนงานก็มีการหยิบยกเรื่องราวเนื้อหา (Content) ต่างๆ ออกมาสื่อสารให้เกิดการแลกเปลี่ยนในสังคม สร้างการรับรู้ เข้าใจ และมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้น เพราะในแต่ละประเด็นนั้นยังมีอีกหลายประเด็นย่อยอยู่จำนวนมาก ที่สามารถดึงออกมาสร้างกระแสการมีส่วนร่วม” นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ระบุ
พร้อมกันนั้น เขาระบุว่าหลังจากนี้ทาง สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) เองก็จะต้องทำงานเชิงรุก (Proactive) มากขึ้น เพราะในแต่ละประเด็นก็มีภาคีเครือข่ายที่สามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ค่อนข้างมาก เพื่อนำไปสู่การเดินหน้าตามเป้าหมายและผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายคาดหวัง