จ.ลำปาง เป็นจังหวัดที่มีความก้าวหน้าอย่างเด่นชัดในการนำเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเข้ามาสนับสนุนการจัดบริการสุขภาพให้กับประชาชนพื้นที่ห่างไกล การใช้ระบบโทรเวชกรรม (Telemedicine) เชื่อมต่อระหว่างคนในชุมชน-หน่วยบริการปฐมภูมิ อันได้แก่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เข้ากับโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่าในพื้นที่เมือง ช่วยลดค่าใช้จ่าย ทำลายข้อจำกัด และคลายอุปสรรคด้านการเดินทางของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี
ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลําปาง (อบจ.ลำปาง) และกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เล่าให้ “กองบรรณาธิการสานพลัง” ฟังว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อบจ.ลำปาง ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตเป็นนโยบายหลัก ควบคู่กับการลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งถือเป็น ๒ โจทย์ใหญ่ในการทำงาน เมื่อปี ๒๕๖๗ อบจ.ลำปาง รับถ่ายโอน รพ.สต. มา ๖๗ แห่ง หรือประมาณครึ่งหนึ่งของจังหวัด เรียกได้ว่าเป็นความท้าทายใหม่ของท้องถิ่นที่ต้องมาดูแลสุขภาพปฐมภูมิ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะเรื่องสุขภาพถือเป็นคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานของทุกคน
“เราอยากทำให้ รพ.สต. ในสังกัดทำงานเชิงรุก เชื่อว่าเราสามารถช่วยส่งเสริมสนับสนุนการทำงานของ รพ.สต. ได้รวดเร็วกว่าเดิมที่อยู่กับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพราะโครงสร้างมีความใกล้ชิดกว่า”
นายกฯ ตวงรัตน์ ยอมรับว่า การถ่ายโอนฯ เป็นเรื่องใหม่ของท้องถิ่น หากจะบอกว่าไม่มีปัญหาอุปสรรคก็คงไม่ได้ เพราะต้องปรับกระบวนการใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำภายใต้ระเบียบของท้องถิ่น ซึ่งมีความละเอียด ซับซ้อน โดนตรวจสอบตลอดเวลา บุคลากรถ่ายโอนมาจึงต้องใช้เวลาปรับตัว ส่วนเรื่องอื่นๆ คือ คน เงิน ของ ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับ รพ.สต. ทุกแห่งอยู่แล้ว
“ตอนถ่ายโอนมาอยู่กับ อบจ. ใหม่ๆ รพ.สต. ใน จ.ลำปาง ที่ถ่ายโอนมา มีเงินในบัญชีเงินบำรุงต่ำมาก พออยู่กับเรา เราก็สามารถช่วยเหลือสนับสนุนด้านงบประมาณให้ได้คล่องตัวขึ้น ปัจจุบันก็ไม่ติดลบกันแล้ว ส่วนเรื่องบุคลากรก็มีความขาดแคลน รพ.สต.ขนาดเล็กบางแห่งมีเพียง 2-3 คน ไม่สามารถดูแลประชาชนได้ บุคลากรเองก็เหนื่อยมาก แต่เมื่อมาอยู่กับ อบจ. เราสามารถเติมบุคลากรเข้าไปช่วยเหลือทำให้งาน ทั้งผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ มีความสุขมากขึ้น ยกเว้นเรื่องกฎระเบียบที่มีความยุ่งยาก แต่การให้บริการก็จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือกันได้มากขึ้น
“อีกเรื่องที่ยังเป็นปัญหาอยู่ คือครุภัณฑ์และการพัฒนาที่ดิน-สิ่งก่อสร้างต่างๆ เพราะเดิมตัว รพ.สต. อยู่กับสาธารณสุข ซึ่งบางแห่งก็อยู่ในพื้นที่ป่า บางแห่งก็เป็นพื้นที่ธนารักษ์ บางแห่งก็อยู่ในที่วัด มีความหลากหลาย พอจะมาอยู่กับ อบจ. เราจะต้องทำเรื่องถ่ายโอนที่ดินให้ถูกต้องก่อนที่จะสามารถลงไปพัฒนาพื้นที่ได้ ตรงนี้ใช้กระบวนการนานมาก เรารับถ่ายโอนมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๗ ทว่าปัจจุบันเพิ่งมีประมาณ ๑๐ แห่งเท่านั้นที่ใกล้จะได้รับโอนพื้นที่มาอยู่กับ อบจ.อย่างครบถ้วน ยังเหลืออีกประมาณกว่า ๕๐ แห่งที่ยังไม่เรียบร้อย ฉะนั้นเรื่องการพัฒนาพื้นที่ต้องรอจนกว่าที่่ดินจะได้รับการส่งมอบอย่างถูกต้อง ถึงจะลงไปช่วยกันพัฒนาได้”
จากสถานการณ์พลิกโฉม รพ.สต. ถ่ายโอนฯ เดินมาสู่บทสนทนาเรื่องการยกระดับการจัดบริการประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดทางกายภาพคือมีประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และมีผู้สูงอายุสูงเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ คือเกือบจะ ๓๕%
นายกฯ ตวงรัตน์ บอกว่า ถือว่าเป็นเรื่องท้าทายด้านสุขภาพอย่างหนึ่ง เพราะผู้สูงอายุจะเคลื่อนไหวค่อนข้างลำบาก ถือเป็นกลุ่มเปราะบาง ดูแลช่วยเหลือตัวเองได้ไม่สะดวกนัก ขณะเดียวกันเรื่องการเดินทางในพื้นที่ห่างไกล ประชาชนอาจต้องเดินทางหลายกิโลกว่าจะไปถึงโรงพยาบาล อบจ.ลำปาง จึงได้นำระบบ Telemedicine เข้ามาตอบโจทย์การดูแลประชาชน ซึ่งช่วยให้ครอบคลุมทั่วถึง สะดวกรวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับการดำเนินการเรื่อง Telemedicine นั้น อบจ.ลำปาง ได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ทำการวิจัยเพื่อออกแบบระบบที่เหมาะสม และใช้ได้จริงตามบริบทในพื้นที่
สำหรับเฟสแรก จะเป็นการให้คำปรึกษาด้วยบุคลากรที่อยู่ประจำ รพ.สต. แล้วให้บริการไปที่ผู้ป่วยซึ่งอยู่ที่บ้าน ให้ได้รับคำปรึกษาเบื้องต้น และเป็นจุดเริ่มต้นให้เราได้เก็บรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพของประชาชนไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจะขยายจากระดับบุคคลเป็นระดับครอบครัว ชุมชน และเมื่อมาเชื่อมโยงกันทั้งหมดก็จะทำให้เราสามารถที่จะดูแลเรื่องการส่งเสริมป้องกัน พัฒนาคุณภาพการให้บริการ ด้านสาธารณสุขให้กับพี่น้องประชาชนได้ดีขึ้นในอนาคต
“เราเพิ่งเริ่มทำเฟสแรกจบ ส่วนตัวคิดว่าจะมีการขยับเพิ่มอีกสองเฟส คือเฟสสองจะเป็นเรื่องการรวบรวมข้อมูลด้านสุขภาพระดับบุคคลและครัวเรือน เมื่อสามารถทำได้แบบนั้นแล้วก็จะมีข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกับภาคีเครือข่าย ไม่ว่าจะเป็น รพช. สสอ. รพ.สต.อื่นๆ รวมทั้งในอนาคตอาจสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลของบุคคลและครอบครัวชุมชนไว้ให้เป็นข้อมูลเดียวกันกับสถาบันการศึกษาด้วย”
นายก อบจ.ลำปาง ระบุว่า จ.ลำปาง เริ่มเรื่อง Telemedicine เมื่อปีที่แล้ว และประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ผลจากพื้นที่ จ.ลำปาง ได้ทำให้ สช. สามารถขยายพื้นที่ไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้อีก โดยในปีนี้จะขยายไป จ.กระบี่ และ จ.ลำพูน ส่วนตัวเชื่อว่าเราคงได้นำบทเรียนของ อบจ.ลำปาง ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้และต่อยอดการทำงานกัน
อย่างไรก็ตาม การทำงานทุกเรื่องไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ การมีภาคีเครือข่ายเข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ความสำเร็จของ อบจ.ลำปาง ส่วนสำคัญเพราะมีภาคีเครือข่ายมาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น สช. ม.ราชภัฏลำปาง รพช. รวมทั้ง สสจ. ฯลฯ ฉะนั้น “ความร่วมมือ” จึงเป็น Key Success ของการทำงานแบบนี้
“เชื่อว่าความสำเร็จของโครงการนี้ หลังจากทำ ๓ พื้นที่ครบแล้ว ในอนาคตคงได้เป็นต้นแบบในการที่จะต่อยอดไปทั่วประเทศได้ และเราก็คาดหวังว่าจะส่งผลให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ห่างไกลจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือเรา ซึ่งบางแห่งอยู่บนดอย ไม่มีกระทั่งไฟฟ้า ไม่สามารถลงมาหาหมอได้ ประชาชนกลุ่มนี้จะสามารถได้รับบริการที่ทัดเทียมกับประชาชนที่อยู่บนพื้นราบ ซึ่งถือเป็นการลดความเหลื่อมล้ำด้านสังคม เป็นเป้าหมายหลักอย่างหนึ่งเลยของ อบจ.ลำปาง” นายกฯ ตวงรัตน์ ระบุ