เมื่อพูดถึงธรรมนูญ หลายท่านอาจนึกถึงรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาแล้ว 20 ฉบับ บางท่านอาจนึกถึงหนังสือที่เคยอ่านเคยฟัง “ธรรมนูญชีวิต” ของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต)
ธรรมนูญ เป็นข้อตกลงร่วมกัน เป็นกติการ่วมกันของสังคมหรือชุมชนนั้นๆ เพื่อกำหนดเป้าหมายที่พึงประสงค์ร่วมกัน เป็นเจตจำนงและพันธะร่วมกัน เป็นวิถีปฏิบัติที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะทำตามข้อตกลงที่กำหนดร่วมกันนั้น
พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 46 ให้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) จัดทำธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ เพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการดำเนินงานด้านสุขภาพของประเทศ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้ คสช.ทบทวนธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติอย่างน้อยทุกห้าปี
ธรรมนูญสุขภาพเป็นเครื่องมือสำคัญอันหนึ่ง ที่นำไปใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทั้ง 3 ลักษณะ
1. ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 3 มุ่งสู่ “ระบบสุขภาพที่เป็นธรรม(equitable health system)” ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2566 วุฒิสภารับทราบ วันที่ 6 ก.พ. 2566 สภาผู้แทนราษฎรรับทราบ วันที่ 9 ก.พ. ๒๕๖๖ และประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2566
2. ธรรมนูญสุขภาพเฉพาะประเด็น เกิดจากข้อตกลงร่วมกันของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนั้นๆ เช่น ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ. 2560 เป็นข้อตกลงและแนวทางปฏิบัติร่วมกันในหมู่พระสงฆ์ทั่วประเทศ พระสงฆ์ดูแลพระสงฆ์ด้วยกัน พระสงฆ์ดูแลชุมชน และสังคมชุมชนร่วมดูแลสุขภาพพระสงฆ์
3. ธรรมนูญเฉพาะพื้นที่ เป็นการประยุกต์ใช้ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ที่ชุมชน/องค์กรในแต่ละพื้นที่ร่วมกันจัดทำขึ้นภายใต้สถานการณ์ปัญหาและข้อตกลงร่วมกันของคนในพื้นที่นั้นๆ เช่น ธรรมนูญสถานศึกษา ธรรมนูญสุขภาพอำเภอ ธรรมนูญสุขภาพตำบล/อบต./เทศบาล ซึ่งปัจจุบันมีการจัดทำกันอย่างแพร่หลายกว่า 2,500 แห่ง
ในยุคสมัยสังคมสูงวัย เด็กเกิดน้อยลง ประเทศไทยมีคนเกิดน้อยกว่าคนตายมาตั้งแต่ปี 2564 กำลังแรงงานลดลง ขณะที่ต้องกินต้องใช้ต้องใช้จ่ายมากขึ้น ทำอย่างไรให้มีผลิตผล (productivity) เพียงพอ นั่นคือคนต้องเก่งขึ้น สร้างผลผลิตมูลค่าต่อหัวประชากรได้เพิ่มขึ้น ทุกคนทุกฝ่ายเห็นตรงกันปัจจัยสำคัญสุดคือ การศึกษา
จากนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ “เรียนดี มีความสุข” และเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2566 กระทรวงศึกษาธิการ จับมือ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ลงนาม MOU “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา” ซึ่งจะเป็นกรอบทิศทาง หรือข้อตกลงร่วมของนักเรียน ครู และผู้ปกครองภายในแต่ละสถานศึกษา ในการสร้างสุขภาพ ทั้ง 4 มิติ คือ กาย จิต ปัญญา และสังคม ให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาและชุมชนตามกรอบธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ตั้งเป้าสถานศึกษาทุกแห่งมีธรรมนูญสุขภาพ ดูแลผู้เรียนกว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ ให้สุขภาพดี เรียนดี มีความสุข
การสานพลังทั้งครู นักเรียน ผู้ปกครอง จัดทำธรรมนูญสถานศึกษาเป็นเครื่องมือที่จะช่วยยกระดับให้นักเรียนเติบโตอย่างมีคุณภาพ โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย เสริมสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่ดี สร้างภูมิคุ้มกัน และรับมือกับภัยสุขภาพต่างๆ ได้ เป็นพลังสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งของทั้ง “Health” และ “Wealth” ของประเทศไทยในอนาคต
อ่านเรื่องราวแบบอย่างสิ่งดีๆ รายละเอียดต่างๆ ได้ในสานพลังฉบับนี้ครับ https://www.nationalhealth.or.th/public/storage/ebook/3771b1a7-ddcc-4789-bf24-3b61e7b4ccf6/