‘จ.เชียงราย’ โฟกัส 4 ประเด็น สานพลัง ‘ภาคีอาสา’ เดินหน้าสู่ล้านนาแห่งความสุข


VIEW: 936   SHARE: 0    
เผยแพร่โดย: 
by
 กลุ่มงานสื่อสารสังคม

9 หน่วยงาน “ภาคีอาสา” ผนึกเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ เดินหน้า Kick off เวที “จ.เชียงราย” มุ่งสร้างพื้นที่กลางของการพัฒนาจังหวัดที่ทุกคนร่วมเป็นเจ้าของ บนเป้าหมายสู่การเป็น “เชียงรายล้านนาแห่งความสุข” พัฒนาคุณภาพชีวิตทุกมิติทั้งสุขภาพ-สังคม-เศรษฐกิจ-การศึกษา-สิ่งแวดล้อม บนความหลากหลายทางพหุวัฒนธรรมของ 30 กลุ่มชาติพันธุ์

 

26 พ.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) พร้อมด้วย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และหน่วยงานภาคียุทธศาสตร์รวม 9 หน่วยงาน ที่รวมตัวกันในนาม “ภาคีอาสา” (Area Strengthening Alliance - ASA) ร่วมกันจัดเวที Kick offสานพลังภาคีอาสา สู่เชียงรายล้านนาแห่งความสุข” ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคีอาสากับภาคีเครือข่ายในระดับพื้นที่

สำหรับ จ.เชียงราย เป็น 1 ใน 5 จังหวัดที่เครือข่าย “ภาคีอาสา” 9 หน่วยงาน อันได้แก่ สปสช., สช. รวมถึง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ตั้งเป้าให้เป็นจังหวัดนำร่องของปี 2568 ในการบูรณาการการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ทรงพลัง ลดความซ้ำซ้อนของงบประมาณ พร้อมมุ่งตอบสนองต่อปัญหาและความต้องการที่แท้จริงของพื้นที่

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. เปิดเผยว่า ภาคีอาสา เกิดจากการรวมตัวกันของเครือข่ายหน่วยงาน ที่เริ่มตระหนักว่าในแต่ละครั้งที่หน่วยงานจะมีโครงการเข้ามาในพื้นที่ มักพยายามนำเอาทรัพยากร องค์ความรู้เข้ามา เพื่อที่ต้องการจะให้ตอบโจทย์ผลงานของตนเอง แต่ภายหลังหารือแล้วเห็นร่วมกันว่าหากทำลักษณะเช่นนี้ นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังอาจล้มเหลวได้ จึงเกิดแนวความคิดใหม่ในการทำงานโดยให้พื้นที่เป็นศูนย์กลางอย่างจริงจัง ไม่ใช่การนำเอาหน่วยงานเป็นตัวตั้งเหมือนในอดีต

“เราจะไม่ได้มาบอกว่าให้ทำอย่างไร แต่มาดูว่าสิ่งที่เรามีอยู่ จะเข้ามาสนับสนุนให้ภาคีเครือข่ายในพื้นที่นำเอาไปใช้เพื่อขับเคลื่อนงานได้อย่างไร เช่น การสนับสนุนข้อมูล เพื่อให้พื้นที่นำไปเป็นแผนที่การทำงาน หรือการสนับสนุนงบประมาณเพื่อนำไปขับเคลื่อนงาน ซึ่งขณะนี้เชียงรายเป็นจังหวัดหนึ่งที่เราจะทดลองนำร่อง ก่อนที่จะนำบทเรียนมาขยายสู่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป” นพ.จเด็จ กล่าว

นพ.จเด็จ กล่าวว่า ในส่วนทิศทางการสนับสนุนของ สปสช. เชื่อว่าการขับเคลื่อนที่ดีจะต้องสนับสนุนให้ท้องถิ่นหรือพื้นที่นำเอางานขึ้นมาพูดคุยกันก่อนเรื่องเงิน โดยใช้ข้อมูลเข้ามาเป็นฐานการทำงาน วิเคราะห์เพื่อดูว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ไหน อะไรคือปัญหาสำคัญที่ควรแก้ก่อนมากที่สุด จากนั้นจึงมีการนำกองทุนและกลไกต่างๆ เข้ามาสนับสนุน โดยกลุ่มคณะหรือเครือข่ายการทำงานในพื้นที่ ซึ่ง จ.เชียงราย มีพื้นฐานที่ทำได้ดีอยู่แล้ว เพื่อนำไปออกแบบกิจกรรมที่ใช้แก้ไขปัญหาในพื้นที่ เช่น มลพิษแม่น้ำกก หรือฝุ่นควัน PM2.5 ที่อาจเวียนมาอีกครั้งเมื่อถึงฤดูหนาว

“เราจัดงบประมาณสนับสนุนกองทุนต่างๆ ที่ทำงานร่วมกับชุมชน ในปีนี้เกือบ 1 หมื่นล้านบาท ในอดีตมักใช้ได้ไม่หมดเพราะไม่ค่อยมีโครงการเข้ามาขอรับ เราเลยปรับกลไกใหม่ ที่จะแบ่งสัดส่วนการสนับสนุนงบตามพื้นที่ที่มีโครงการเยอะ ไม่ใช่ตามขนาดจำนวนประชากร และขณะนี้ยังมีเรื่องของการดูแลผู้สูงอายุที่เรากำลังจะเพิ่มงบสร้าง Caregiver ชุดใหม่ เพื่อให้เกิดการจ้างงานและเข้ามาดูแลผู้สูงอายุเป็นรูปธรรม ซึ่งจะออกเป็นวาระแห่งชาติเร็วๆ นี้” นพ.จเด็จ กล่าว

 

นพ.สุเทพ เพชรมาก เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า แม้แต่ละภาคส่วน แต่ละหน่วยงานอาจมีที่มาแตกต่างกัน แต่ทุกคนล้วนอยากเห็นเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการทำให้เชียงรายล้านนาแห่งความสุขเกิดขึ้นได้จริง ซึ่ง จ.เชียงราย นั้นมีฐานทุนเดิมที่ดีมากอยู่แล้ว ส่วนหน่วยงานภายนอกที่เข้ามาในวันนี้ ล้วนเป็นองค์กรที่มีบทบาทภารกิจตามอำนาจหน้าที่อยู่แล้ว แต่แทนที่จะต่างคนต่างทำ มาวันนี้จะประกาศพันธสัญญาร่วมกันว่า ทุกส่วนจะสานพลังเพื่อสนับสนุนการพัฒนาจังหวัด โดยเอาพื้นที่เป็นตัวตั้ง

นพ.สุเทพ กล่าวว่า สำหรับ 5 จังหวัดที่ภาคีอาสาจะเริ่มนำร่องในปี 2568 ได้แก่ เชียงราย นครสวรรค์ ขอนแก่น ตราด และ พัทลุง ซึ่งได้คัดเลือกร่วมกันว่าเป็นจังหวัดที่มีแนวโน้มความสำเร็จสูง มีฐานทุนทางสังคมที่เข้มแข็งอยู่เดิม ส่วนภาพการขับเคลื่อนไปข้างหน้า ก็จะเป็นไปตามแผนที่ภาคีเครือข่ายในจังหวัดวางเอาไว้ร่วมกันอย่างดีอยู่แล้วเป็น ธรรมนูญเชียงรายล้านนาแห่งความสุข ที่มุ่งให้น้ำหนักใน 9 ประเด็น เช่น การเกษตร การค้า การท่องเที่ยว การศึกษา สิ่งแวดล้อม กลุ่มชาติพันธุ์ เมืองสุขภาวะดี เป็นต้น

“ทั้ง 9 เรื่องนี้เราก็จะมาช่วยกันขับเคลื่อนให้สำเร็จ โดยในส่วนของ สช. ที่มีบทบาทตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มีภารกิจหลักในการจัดทำนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วม สนับสนุนให้ภาคส่วนต่างๆ ใช้กระบวนการ ไม่ว่าจะเป็นสมัชชาสุขภาพ ธรรมนูญสุขภาพ การประเมินผลกระทบทางสุขภาพ ฯลฯ ขอให้คำมั่นสัญญาว่าทาง สช. จะตั้งใจเต็มที่ เทหมดหน้าตัก เพื่อร่วมกันทำให้ จ.เชียงราย ไปถึงเป้าหมายได้จริง และเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ ทำตามได้ต่อไป และเมื่อขับเคลื่อนครบทั้ง 5 จังหวัดนี้แล้ว เราก็จะนำข้อติดขัด ปัญหาอุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าในเชิงระเบียบ กฎหมาย ไปปรับแก้กันต่อไป” นพ.สุเทพ กล่าว

พร้อมกันนี้ ภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมภายในงาน ยังได้มีการร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ พันธะสัญญาร่วม “สานพลังภาคีอาสาสู่เชียงรายล้านนาแห่งความสุข” โดยระบุว่าจะสร้างความร่วมมือ เชื่อมประสานและถักทอพลัง บูรณาการทุกภาคส่วน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเชียงราย ดังนี้ 1. ร่วมสร้างระบบบริการสุขภาพ ที่ลดความเหลื่อมล้ำ 2. สร้าง “พื้นที่กลาง” โดยทุกคนเป็นเจ้าของ บนฐานข้อมูล ความรู้ วิชาการและปฏิบัติการจริง 3. พัฒนานโยบายสาธารณะที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี 4. กำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์การพัฒนาเชียงรายทุกมิติ ด้วยธรรมนูญเชียงรายล้านนาแห่งความสุข

ด้าน นางทรงศรี คมขำ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย (อบจ.เชียงราย) กล่าวว่า ต้องขอบคุณภาคีอาสาที่เลือกให้เชียงรายเป็นหนึ่งในจังหวัดนำร่อง ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งที่ทาง อบจ. จะสามารถขับเคลื่อนการพัฒนาที่เดินหน้าบนวิสัยทัศน์ “เชียงรายเมืองสุขภาพดี วิถีน่ายล ประชาชนมีความสุขอย่างยั่งยืน” และสอดคล้องกับ 9 ประเด็นของธรรมนูญเชียงรายล้านนาแห่งความสุข ซึ่ง อบจ. พร้อมที่จะสนับสนุนกับทุกหน่วยงานที่เข้ามามีส่วนช่วยกันพัฒนาจังหวัดให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

นางทรงศรี กล่าวว่า ในส่วนของ อบจ. มีนโยบาย 7 เรือธงที่เป็นเป้าหมายของการขับเคลื่อนใน 4 ปีนับจากนี้ คือ 1. นโยบายกระจายเครื่องจักรกลและบุคลากรสู่ชุมชน 2. นโยบายอยู่ที่ไหนก็เรียนได้  เรียนที่ไหนก็สำเร็จได้  สำเร็จได้ก็เลี้ยงชีพได้ 3. นโยบายนักขายออนไลน์ กระจายสินค้า 4. นโยบายศูนย์บริหารจัดการสาธารณภัยแบบเบ็ดเสร็จ (PDOSS) 5. นโยบายเที่ยวได้ทุกสไตล์ เที่ยวเชียงรายได้ทั้งปีมีดีทุกอำเภอ 6. นโยบายอยู่ที่ไหน ก็ใกล้หมอ (โฮงยาใกล้บ้าน Plus) 7. นโยบายศูนย์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (TCDC) สร้างเชียงรายแบรนด์ สู่ตลาดโลก

นอกจากนี้ ในช่วงท้ายยังได้มีการเปิดเวทีให้ภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่ ได้ร่วมกันสะท้อนถึงประเด็นปัญหาและความต้องการในมิติต่างๆ ของคน จ.เชียงราย โดยมีการนำเสนอในหลายประเด็น ไม่ว่าจะปัญหามลพิษทั้งทางอากาศและทางน้ำ ปัญหาภัยพิบัติ ปัญหาความยากจน การจัดการที่ดินทำกิน ปัญหาทางสุขภาพจากโรคไม่ติดต่อ (NCDs) หรืออุบัติเหตุต่างๆ เป็นต้น พร้อมหยิบยกข้อเสนอความต้องการ เช่น การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจจากฐานราก การพัฒนาคนรุ่นใหม่ การดูแลผู้สูงวัย รวมไปถึงการดูแลสังคมพหุวัฒนธรรม ที่มีความหลากหลายของ 7 สายน้ำ 35 ม่อนดอย 30 ชาติพันธุ์ภายในพื้นที่ ให้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม

NHCO Q&A