วันแม่

ประกาศวาระสุขภาวะพัทยา โฟกัสคุณภาพชีวิต ‘แรงงานกลางคืน’ เพิ่มมาตรฐานช่างสัก-ต้านบุหรี่ไฟฟ้า


VIEW: 44   SHARE: 0     26-08-2025
เผยแพร่โดย: 
by
 กลุ่มงานสื่อสารสังคม

 

ภาคีเครือข่ายกว่า 500 ชีวิตเข้าร่วมเวที “สมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา ครั้งที่ 3” ร่วมพิจารณา-เคาะฉันทมติ 3 วาระ มุ่งกำหนดกรอบทิศทางนโยบายสุขภาพเพื่อ “แรงงานกลางคืน” คุ้มครองสิทธิแรงงาน-สวัสดิการ-บริการสุขภาพ พร้อมประกาศใช้ธรรมนูญกลุ่มอาชีพ “ช่างสัก เมืองพัทยา” กำหนดกติกาการให้บริการบนมาตรฐาน-จรรยาบรรณ จับมือประกาศเจตนารมณ์ป้องกันเด็ก-เยาวชนพัทยาห่างไกลจาก “บุหรี่ไฟฟ้า”

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับ เมืองพัทยา และหน่วยงานภาคีเครือข่าย จัดเวที สมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2568 BETTER PATTAYA: HAPPY CITY สุขภาวะดี มีความสุข ณ โรงแรมไบรท์ตัน แกรนด์ พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วม ที่เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกำหนดแนวทางการพัฒนาเมืองพัทยา อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนเมืองท่องเที่ยวสุขภาวะ โดยมีภาคีเครือข่ายภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม เข้าร่วมเวทีมากกว่า 500 คน

ทั้งนี้ ภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพสากลเมืองพัทยา ได้ร่วมกันพิจารณาระเบียบวาระและรับรองฉันทมติ จำนวน 3 มติ ประกอบด้วย 1. นโยบายสุขภาพเพื่อแรงงานกลางคืน 2. ธรรมนูญกลุ่มอาชีพ “ช่างสัก เมืองพัทยา” 3. มาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า โดยได้มีการส่งมอบมติสมัชชาสุขภาพฯ ให้กับเมืองพัทยา ขณะเดียวกันก็ได้มีการประกาศใช้ “ธรรมนูญกลุ่มอาชีพ ช่างสัก เมืองพัทยา” พร้อมทั้งร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ “ป้องกันเด็กและเยาวชนห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า”

 

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ในฐานะประธานคณะกรรมการสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนสมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา (คจ.สพ.) เปิดเผยว่า สมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา ซึ่งเดินทางมาถึงครั้งที่ 3 ในปีนี้ เป็นเวทีที่สำคัญในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และร่วมกันกำหนดแนวทางการพัฒนาเมือง ให้ก้าวสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวสุขภาวะ จึงเป็นเวทีที่ทรงคุณค่า เพราะเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมกันแสดงความคิดเห็น เสนอแนวทาง และร่วมกันหาฉันทมติในประเด็นสำคัญด้านสุขภาพของเมือง

“ทุกประเด็นล้วนสะท้อนถึงความห่วงใยต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเมืองพัทยาให้ดียิ่งขึ้น ในนามของเมืองพัทยา และ คจ.สพ. จึงต้องขอขอบคุณที่ทุกท่านร่วมแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยน เสนอแนะ เพื่อเป็นข้อเสนอแก่เมืองพัทยา และนำไปสู่การขับเคลื่อนให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม สร้างเมืองพัทยาที่มีสุขภาวะดี มีความสุข และเป็นมรดกที่ยั่งยืนแก่คนรุ่นต่อไป” นายปรเมศวร์ กล่าว

 

สำหรับมติ นโยบายสุขภาพเพื่อแรงงานกลางคืน ที่ประชุมได้เห็นชอบกรอบทิศทางนโยบายในการดูแลสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มแรงงานกลางคืน (Night workers) ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนทำงานที่มีความเสี่ยงในการเข้าถึงสวัสดิการและสิทธิในการดูแลสุขภาพ โดยจะดำเนินการด้านการคุ้มครองสิทธิแรงงาน สวัสดิการ บริการสุขภาพ พร้อมทั้งการสร้างเครือข่ายสุขภาพและลดการตีตราในสังคม เพื่อสร้างความเข้าใจอันดีในกลุ่มแรงงานกลางคืนและประชาชนทั่วไป ภายใต้การมุ่งขับเคลื่อนไปที่เจ้าของสถานประกอบการ (Owner) และกลุ่มคนทำงานแรงงาน (Workers)

ขณะที่ ธรรมนูญกลุ่มอาชีพ “ช่างสัก เมืองพัทยา” จะเป็นเสมือนกติกาหรือข้อตกลงร่วมกันเพื่อยกระดับการจัดการอาชีพช่างสัก ให้สอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจสร้างสรรค์และสิทธิมนุษยชนในสังคมไทย โดยมีเนื้อหาสาระรวม 7 หมวด เช่น มาตรฐานในการให้บริการ, จรรยาบรรณผู้ประกอบการ, รูปแบบการสัก, การซื้ออุปกรณ์สำหรับการสัก ฯลฯ โดยเมืองพัทยา จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและประกาศใช้ธรรมนูญฯ พร้อมกับจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนธรรมนูญฯ เพื่อติดตามการดำเนินงานต่อไป

ในด้านของ มาตรการป้องกันเด็กและเยาวชนห่างไกลบุหรี่ไฟฟ้า ที่ประชุมได้เห็นพ้องร่วมกันถึงการเดินหน้า 5 มาตรการ ที่สอดคล้องตามมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น “การปกป้องเด็กและเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า” ซึ่งทางสำนักสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เมืองพัทยา ได้จัดทำร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. สร้างเมืองพัทยาให้เป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าในทุกมิติ ทั้งในสถานศึกษาชุมชนและสถานที่ท่องเที่ยว 2. ลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า ป้องกันการเกิดนักสูบหน้าใหม่ในพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชน 3. ส่งเสริมความรู้ ความเข้าใจ และสร้างความตระหนักรู้แก่เยาวชน ประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับอันตรายจากบุหรี่ไฟฟ้า 4. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุม ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า 5. สร้างต้นแบบพื้นที่สาธารณะ สถานศึกษา และสถานที่ท่องเที่ยวปลอดบุหรี่ไฟฟ้า

 

ดร.ศิวัช บุญเกิด รองปลัดเมืองพัทยา และประธานอนุวิชาการสมัชชาสุขภาพเมืองพัทยา กล่าวว่า เมืองพัทยาได้มีการจัดเวทีสมัชชาสุขภาพ ครั้งแรกเมื่อปี 2565 เป็นหนึ่งในกลไกสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่เมืองพัทยาให้ความสำคัญ เนื่องจากในหลายปัญหาอาจไม่สามารถแก้ไขได้ผ่านกระบวนการทางกฎหมายเพียงอย่างเดียว หากแต่ต้องมีการศึกษาวิเคราะห์ แลกเปลี่ยน รับฟังความคิดเห็น โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน พร้อมกำหนดประเด็นและพัฒนาเป็นนโยบายสาธารณะ โดยมีภาควิชาการอย่างมหาวิทยาลัยบูรพา เข้ามาเป็นหนึ่งในกลไก

ดร.ศิวัช กล่าวว่า ในเวทีสมัชชาสุขภาพครั้งแรก ได้มีการพัฒนาธรรมนูญสุขภาพเมืองพัทยาออกมาเป็นข้อตกลงร่วม หรือเสมือนเป็นกรอบทิศทางในการเดินหน้าสู่เมืองสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคน พร้อมมุ่งแก้อีกหนึ่งปัญหาสำคัญนั่นคือประเด็นด้านเศรษฐกิจ จึงมีการพูดคุยกันถึงเรื่องของพื้นที่สาธารณะ ก่อนที่เวทีสมัชชาสุขภาพครั้งถัดมา จะมีการหารือถึงการจัดระเบียบกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่มีความสำคัญและถือเป็นทุนทางวัฒนธรรมของพื้นที่ อย่างนวดแผนไทยและร่มเตียงชายหาด ให้มีกลไกในการดูแลคุณภาพมาตรฐานที่ดีทั้งต่อผู้ให้บริการและผู้รับบริการ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่มีการพัฒนาต่อในกลุ่มอาชีพช่างสัก ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง Soft Power ของพื้นที่

 

ด้าน นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า กลไกสมัชชาสุขภาพ ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือภายใต้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนานโยบายสาธารณะให้เกิดความยั่งยืน แก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาวะซึ่งมีความครอบคลุมในหลายมิติ จึงต้องอาศัยหลายภาคส่วนเข้ามาพูดคุยกัน โดยเฉพาะบริบทของเมืองท่องเที่ยวอย่างพัทยาที่มีความหลากหลาย และปัจจุบันมีทิศทางการพัฒนาที่น่าสนใจมากมาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากหลายมุมมอง

นพ.อภิชาติ กล่าวว่า นอกจากการพัฒนาเป็นนโยบายสาธารณะแล้ว สิ่งสำคัญยังเป็นการนำไปปฏิบัติและกำกับติดตามเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นทั้ง 3 มติที่มีการรับรองร่วมกันในวันนี้ ก็จะมีการติดตามต่อไปด้วย ส่วนกระบวนการในระดับประเทศหลังจากนี้ก็กำลังจะมีการจัดเวที สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568 ขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ภายใต้ประเด็นหลัก (Theme) “เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน” ซึ่งจะมีการพิจารณาระเบียบวาระที่เป็นประเด็นปัญหาสำคัญของประเทศด้วยเช่นกัน

 

NHCO Q&A