จากโลกรวน โลกร้อน ถึงยุคโลกเดือด ฤาจะเข้าสู่ยุคโลกหายนะ !!? | สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สองทศวรรษที่ผ่านมา ทั่วโลกมีการกล่าวอย่างมากถึงการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ เกิดภาวะโลกรวน (Climate Change) ภาวะโลกร้อน (Global Warming) ทว่าช่วงสองสามปีนี้มีคำใหม่มาแทน คือพูดว่าสิ้นสุดยุคโลกร้อนและกำลังเข้าสู่ยุคโลกเดือด (Global Boiling) เกิดวิกฤตรุนแรงถี่มากขึ้น ปัจจุบันมีการพูดถึงว่าจะเป็นโลกหายนะ (Climate catastrophe) แสดงถึงวิกฤตสภาวะภูมิอากาศมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เกิดภัยพิบัติร้ายแรงต่างๆ เพิ่มมากขึ้น

            ภัยพิบัติปีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่ จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ หรือเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น หากแต่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก เมื่อปลายเดือนตุลาคม ๒๕๖๗ ประเทศสเปนเกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก รถยนต์ บ้านเรือน ถูกพัดพาจมอยู่ใต้น้ำ คนเสียชีวิตนับร้อย

            ประเทศไทยผ่านมาหลายเหตุการณ์ เช่น ดินโคลนถล่มใน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช พ.ศ. ๒๕๓๑ พายุไต้ฝุ่นเกย์ จ.ชุมพร พ.ศ. ๒๕๓๒ น้ำท่วม อ.หาดใหญ่ พ.ศ. ๒๕๔๓ ดินโคลนถล่ม อ.วังชิ้น จ.แพร่ พ.ศ. ๒๕๔๔ สึนามิฝั่งทะเลอันดามัน พ.ศ. ๒๕๔๗ น้ำท่วมใหญ่โคราช พ.ศ. ๒๕๕๓ อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่กรุงเทพและประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๔ ฯลฯ

            การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ความแปรปรวนของฤดูกาล การขยายตัวของเมือง ที่อยู่อาศัย การคมนาคม การทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรง มีความซับซ้อน เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและบ่อยมากขึ้น แต่ละเหตุการณ์สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก เกิดผลกระทบต่างๆ ตามมา ผืนดิน ผืนน้ำ ผืนป่า ห้วงมหาสมุทร ลมฟ้าอากาศ และฤดูกาลที่ผู้คนเคยเข้าใจและรู้จัก แปรเปลี่ยนไป

            พื้นที่เสี่ยงต่างๆ จำนวนมาก เราจะรับมือป้องกันและลดความสูญเสียได้อย่างไร สานพลังฉบับนี้มีคำตอบ

            จะรอแต่ความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างเดียวไม่ได้ ประชาชน ชุมชน และภาคประชาสังคมต้องรู้เท่ารู้ทันรู้ไว มีองค์ความรู้ มีการเตรียมตัว มีระบบข้อมูลชุมชน มีแผน มีการซ้อมแผน มีระบบป้องกัน เตือนภัย เรียนรู้การเอาตัวรอด (survival experience) การปรับตัว ช่วยตนเอง ช่วยกันเอง ร่วมกันสร้างชุมชนเข้มแข็ง สานพลังทั้งภาครัฐ ภาคท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาควิชาการ ระดมสรรพกำลังช่วยกันจึงจะรับมือกับภาวะโลกเดือดโลกหายนะได้

            ทุกวิกฤตมีโอกาสเสมอ ภัยพิบัติที่เกิดบ่อยครั้งมากขึ้น จะเป็นบทเรียน เป็นโอกาสสร้างกระบวนการเรียนรู้ ทำให้ชุมชนเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

            มาร่วมด้วยช่วยกัน เริ่มตรงไหนทำอะไรได้ก็ทำเลย ตัวอย่างเช่น ทุกคนร่วมกันปลูกต้นไม้เยอะๆ ทำกันให้มากให้ทั่วทุกพื้นที่ จะช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง และ PM ๒.๕

ช่วยกันคิดต่อ คิดอะไรออกก็บอกกันมาดังๆ น่าจะทำอะไรกันบ้าง ร่วมกันสรรค์สร้างนโยบายสาธารณะดีๆ ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น ไม่เป็นโลกหายนะดังที่เริ่มกล่าวถึงกัน 

แล้วมาพบกันในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ๒๗-๒๘ พฤศจิกายน นี้นะครับ

รูปภาพ