คสช. ยืนยันท่าทีไทยในเวทีโลกต้องฟันธงอันตรายแร่ใยหิน เร่ง สธ. สสส. ให้ความรู้ผู้บริโภค ผู้รับเหมาก่อสร้าง | สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

   คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติลั่นต้องหนุนขึ้นบัญชีดำแร่ใยหินไครโซไทล์ในเวทีโลก ย้ำอนุกรรมการกำหนดท่าทีประเทศไทยในเวทีอนุสัญญารอตเตอร์ดัมต้องใช้ข้อมูลที่รอบด้านและมีความรู้เรื่องอันตรายจากแร่ใยหินอย่างถูกต้อง อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่บิดเบือน พร้อมขอให้กระทรวงสาธารณสุข สสส. และทุกหน่วยงานดูแลผู้บริโภค เร่งกระจายข้อมูลถึงผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง ดูแลผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ
 
   ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ ๓ กรกฏาคม ๒๕๕๘ ที่มี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พร้อมด้วย ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วม ได้รับทราบความคืบหน้าการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง มาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน
 
   ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมมอบให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งส่งรายงานของ คณะกรรมการศึกษาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบจากแร่ใยหิน ซึ่งระบุถึงอันตรายจากการสัมผัสและสูดดมแร่ใยหิน พร้อมเอกสารจุดยืนของ องค์การอนามัยโลก ไปยังผู้แทนของ อนุกรรมการอนุสัญญารอตเตอร์ดัมว่าด้วยกระบวนการแจ้งข้อมูลสารเคมีล่วงหน้าสำหรับสารเคมีอันตรายและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและสัตว์บางชนิดในการค้าระหว่างประเทศ (Rotterdam Convention on the Prior Informed Consent Procedure for Certain Hazardous Chemicals and Pesticides in International Trade: RC) ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลไกภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ทำหน้าที่กำหนดท่าทีประเทศไทยในเวทีอนุสัญญารอตเตอร์ดัม
 
   นพ.สมเกียรติ ศิริรัตนพฤกษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค ซึ่งได้เข้าชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุม กล่าวว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้เน้นย้ำความสำคัญของการให้ข้อมูลอันตรายจากแร่ใยหินไครโซไทล์ที่ถูกต้อง ชัดเจน และทันสมัยมาโดยตลอด เนื่องจากที่ผ่านมามีความพยายามของบริษัทเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกใช้แร่ใยหิน ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้พิจารณาใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ในประเทศไทยได้ต่อไป โดยอ้างมติที่ประชุมอนุสัญญารอตเตอร์ดัม เมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๘ (Rotterdam Convention COP7 Meeting) ว่า ไม่ได้มีการขึ้นบัญชีแร่ใยหินไครโซไทล์เป็นสารเคมีอันตรายตามภาคผนวก III โดยอ้างเอกสารของ International Chrysotile Association (ICA) ซึ่งแท้จริงเป็นองค์กรที่สนับสนุนการใช้แร่ใยหินไครโซไทล์
 
   ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้จัดประชุมผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมควบคุมโรค สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสถาบันการศึกษา เพื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเรื่องแร่ใยหินไครโซไทล์ในการประชุมของอนุสัญญารอตเตอร์ดัม เมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๕๘ พบว่า การพิจารณาของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีการพิจารณาแล้วหลายครั้งแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งที่ประชุมใหญ่ได้รับทราบผลกระทบทางสุขภาพในผู้ประกอบอาชีพและประชาชนทั่วไป ทำให้หลายประเทศที่เป็นกลางวิตกกังวล และไม่ต้องการให้ประชาชนของตนต้องเสี่ยงชีวิต ได้สนับสนุนให้ขึ้นทะเบียนเป็นสารเคมีอันตรายทันที
 
   “ขณะนี้มีประเทศสมาชิกและภาคีของอนุสัญญารอตเตอร์ดัมจำนวนถึง ๓๗ แห่ง สนับสนุนให้บรรจุแร่ใยหินชนิดไครโซไทล์ไว้ในบัญชีภาคผนวกที่ ๓ ของอนุสัญญารอตเตอร์ดัม ซึ่งถือเป็นสารเคมีอันตรายต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม และมีแนวโน้มของภาคีสมาชิกให้การสนับสนุนมากขึ้นทุกครั้ง ความยากอยู่ที่วิธีการหาข้อตกลงของการประชุมไม่ได้ใช้การโหวตหาเสียงข้างมาก แต่ใช้การหาฉันทมติที่ทุกภาคีต้องเห็นด้วย ๑๐๐% ในขณะที่ภาคีสมาชิกที่คัดค้านก็มักเป็นประเทศผู้ส่งออกแร่ใยหินรายใหญ่ การจะหาข้อตกลงแบบสมบูรณ์จึงเป็นเรื่องยากมาก
 
   ภายหลังจากการอภิปรายอย่างกว้างขวาง และพิจารณาข้อมูลวิชาการจากหลายแหล่ง คสช. จึงมีมติมอบให้กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงไปยัง คณะกรรมการวัตถุอันตราย ถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากแร่ใยหินไครโซไทล์ตามรายงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกระทรวงสาธารณสุข ที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีไปแล้ว เพื่อสนับสนุนให้คณะกรรมการฯ พิจารณาขึ้นทะเบียนเป็น วัตถุอันตรายประเภทที่ ๔ หรือกลุ่มที่ห้ามมิให้มีการผลิต การนำเข้า การส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สสส. กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค เร่งสื่อสารและทำความเข้าใจถึงอันตรายของแร่ใยหินไครโซไทล์ไปยังผู้จำหน่าย ผู้ใช้ และผู้รับเหมาก่อสร้างต่างๆ ซึ่งขณะนี้องค์กรวิชาชีพ เช่น สภาสถาปนิก สภาวิศวกร ต่างก็เห็นความสำคัญและผลกระทบทางสุขภาพของเรื่องนี้แล้ว
 
   นอกจากนั้น คสช. ยังมอบให้ คณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คมส.) ทำการทบทวนมติ มาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน ให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป อาทิ การปรับค่ามาตรฐานความปลอดภัยใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ จากเดิมที่อนุญาตให้มีแร่ใยหินปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมที่ทำงานไม่เกิน ๕ เส้นใยต่ออากาศ ๑ ลูกบาศก์เซนติเมตร เป็นค่ามาตรฐานตามที่ สมาคมนักสุขศาสตร์อุตสาหกรรมภาครัฐของสหรัฐอเมริกา กำหนดไว้ คือ ๐.๑ เส้นใยต่ออากาศ ๑ ลูกบาศก์เซนติเมตร เพื่อคุ้มครองผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งเสนอให้ ร่าง พ.ร.บ.ขยะแห่งชาติ พ.ศ. ... กำหนดให้บริษัทผู้ผลิตสินค้าที่มีแร่ใยหินต้องรับซื้อคืนขยะปนเปื้อน เป็นต้น
 

ท่านสามารถดูภาพที่เหลือโดยกดที่นี่

สำนักสื่อสารทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) 02-832-9144

รูปภาพ