เดือนแห่งความรัก | สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

   ไม่แน่ใจว่าช่วงเวลาที่เพื่อนภาคีและท่านที่กำลังอ่าน “นิตยสารสานพลังนี้” เจ้าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือที่เรียกกันเป็นรหัสว่า 2019-nCoV เพราะเกิดครั้งแรกเมื่อปลายปี 2019 ที่เมืองอู่ฮั่น ตอนกลางของจีน และแพร่กระจายจากคนสู่คน ส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมทั้งประเทสไทยด้วย ว่าจนถึงขณะนี้จะสามารถควบคุม และหยุดการระบาดได้แล้วหรือไม่ แม้ว่าองค์การอนามัยโลก และนานาประเทศต่างชื่นชมรัฐบาลจีนที่ดำเนินมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้อย่างรวดเร็วและจริงจังตามมาตรฐานการควบคุมโรคระบาดในระดับสากล ช่วยให้ไม่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วเหมือนการระบาดของไวรัสอื่นที่ผ่านมา สำหรับประเทศไทยเราหลายภาคส่วนนำโดยรัฐบาลได้พยายามเปลี่ยนวิกฤตนี้ไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพของประชาชนมากเกินไป เปลี่ยนเป็นโอกาสในการสานพลังคนไทยรวมเป็นหนึ่งเดียวสู้ภัยทั้งกับไวรัส และฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่กูรูหลายสำนักพูดเหมือนกันว่า ปี 2563 นี้จะลำบากและกระทบหนักที่สุดถึงขั้นเผาจริงกันเลย สำหรับประชาชนเบื้องต้นทุกคนต้องยึดหลักป้องกันไว้ก่อนด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ถูกสุขลักษณะ ร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคแปลกๆ และภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ได้
 
   ในเดือนแห่งความรักนี้ สช. และภาคีเครือข่าย ได้ร่วมกันจัดงาน “สร้างสุขที่ปลายทาง” ครั้งที่ 3 นับเป็นงานมหกรรมระดับชาติว่าด้วย “การตายดี” ที่เพื่อนภาคีจากหน่วยงานรัฐและภาคประชาสังคมร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดในวันที่ 20 - 21 กุมภาพันธ์นี้ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กรุงเทพฯ ในงานนี้จะมีผู้รู้และมากประสบการณ์จากภาคีภาคส่วนต่างๆ มาพูดแลกเปลี่ยนถึงประเด็นความตายในทุกเหลี่ยมมุม รวมทั้งให้ความรู้และคำแนะนำในเรื่อง “การเตรียมตัวตายและการเผชิญวาระสุดท้ายของชีวิตอย่างสงบสุข” ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติในมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ. สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ที่ให้การรับรองสิทธิของบุคคลในการทำหนังสือแสดงเจตนาล่วงหน้าว่าไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือพูดเป็นภาษาบ้านๆ ว่า “เป็นสิทธิของคนทุกคนในการแสดงเจตนาเลือกที่จะตายตามธรรมชาติอย่างสงบ งามสง่า สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” และศาลปกครองสูงสุดได้เคยมีคำพิพากษาแล้วว่า “ไม่ใช่เรื่องการเร่งการตายหรือการุณยฆาต แต่เป็นเรื่องสิทธิผู้ป่วยที่บุคลากรด้านสาธารณสุขสามารถดำเนินการตามได้”
 
   จะเห็นได้ว่าเรื่องการรับมือกับการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือการแพร่กระจายของฝุ่น PM 2.5 และการเตรียมตัวตายอย่างสงบตามมาตรา 12 ล้วนเป็นเรื่องที่สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้ การมีภูมิต้านทานที่ดีแต่แรกจะรับมือกับสิ่งท้าทายทั้งหลายได้ จึงอยากเชิญชวนพวกเรามาช่วยกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่น สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง สร้างสังคมที่มีสุขภาวะ สร้างประเทศที่สงบร่มเย็น...และสุดท้ายขอทุกท่านสุขสันต์ในเดือนแห่งความรักครับ
 

รูปภาพ
หมวดหมู่เนื้อหา