‘ขบวนการแพทย์ชนบท’ เจ้าของรางวัลแมกไซไซ ปี 67 NGOs ในโครงสร้างรัฐที่มุ่งขจัด ‘คอร์รัปชัน-ความเหลื่อมล้ำ’ | สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

1

 

“ขบวนการแพทย์ชนบท” เจ้าของรางวัลรางวัลรามอนแมกไซไซ ประจำปี 2567 บอกเล่าความคิด-อุดมการณ์ ผ่านเวทีเสวนา “ขบวนการแพทย์ชนบทกับการพัฒนาระบบสุขภาพไทย” ย้ำเป้าหมายหลักต่อสู้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาคอร์รัปชัน เผยจุดแข็งเป็น NGOs ที่อยู่ในโครงสร้างของรัฐ เข้าถึงทรัพยากร-ข้อมูล ช่วยผลักดันการทำงานจากระดับพื้นที่ไปสู่นโยบายระดับประเทศ สร้างการปฏิรูประบบสุขภาพได้

 

2

 

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2567 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดการประชุมวิชาการเพื่อพัฒนาเครือข่ายสังคมสุขภาวะและนโยบาย ครั้งที่ 9/2567 โดยภายในงานยังได้มีการแถลงข่าว พร้อมเวทีเสวนา ขบวนการแพทย์ชนบทกับการพัฒนาระบบสุขภาพไทย” ซึ่งจัดขึ้นหลังจากที่ “ขบวนการแพทย์ชนบท” (RURAL DOCTORS MOVEMENT) ได้รับรางวัลรามอนแมกไซไซ (Ramon Magsaysay Award) ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา

 

2

 

นพ.วิชัย โชควิวัฒน คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะอดีตประธานกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบท และอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท เปิดเผยว่า สิ่งที่ขบวนการแพทย์ชนบททำคือ Movement ไม่ใช่ Establishment เพราะ Movement จะเป็นการทำเพื่อบรรลุเป้าหมาย อุดมการณ์ แตกต่างจาก Establishment ที่จะทำไปเพื่อเชิดชูองค์กร โดยเป้าหมายอุดมการณ์หลักที่เรายึดถือคือการสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่เมืองหลวงกับชนบท ซึ่งนี่เป็นจุดหลอมรวมสำคัญที่ทำให้ทุกคนเข้ามารวมตัวกันทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวบุคคลก็มีความสำคัญ เช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี ที่มีบทบาทหลักในการหลอมรวมทุกฝ่ายเข้ามาทำงานร่วมกัน

นพ.วิชัย กล่าวว่า หนึ่งในผลงานรูปธรรมคือการผลักดันให้เกิดระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง ที่ประเทศไทยเริ่มต้นด้วยการมีค่าใช้จ่ายต่อหัวเพียง 30 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ในเวลาเดียวกันนั้นสหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพต่อหัวอยู่ที่ 12,500 ดอลลาร์ ซึ่งนี่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นและได้รับการกล่าวถึงเรื่อยมา

 

3

 

นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ ประธานกรรมการมูลนิธิแพทย์ชนบท กล่าวว่า ยุทธศาสตร์สำคัญในการทำงานของขบวนการแพทย์ชนบท ไม่ว่าภายใต้มูลนิธิแพทย์ชนบท หรือชมรมแพทย์ชนบท คือการเป็น NGOs (Non-Governmental Organizations) ที่อาศัยทรัพยากร และมีโครงสร้างทับซ้อนกับ GO (Government organization) คือกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แต่ทำงานบนเป้าหมายเดียวกันคือ “ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์เป็นกิจที่หนึ่ง” ซึ่งเป็นพระราชปณิธานของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรมพระบรมราชชนก ซึ่งถามว่าจะมี NGOs ใดบ้างในประเทศหรือในโลก ที่มีโครงสร้างทับซ้อนกับ GO และมีอิสระต่อกัน แต่สามารถทำงานร่วมกันได้แบบนี้ และทำงานร่วมกันมาตลอดเกือบ 5 ทศวรรษ

นพ.ชูชัย กล่าวว่า รางวัลแมกไซไซถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ในตัวเอง ซึ่งรางวัลที่ขบวนการแพทย์ชนบทได้รับมาครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็น Soft Power ที่เป็นพลังช่วยขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพปฐมภูมิในประเทศไทยให้ประสบผลได้ในอนาคตอันใกล้ และสามารถที่จะแลกเปลี่ยนหรือขยายผลไปถึงประเทศข้างเคียงได้ด้วย

 

3

 

นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ในฐานะอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ขบวนการแพทย์ชนบทถือเป็นการรวมตัวกันด้วยจิตวิญญาณอย่างแท้จริง ซึ่งส่วนตัวมีความประทับใจนับตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในฐานะแพทย์ชนบทคนหนึ่ง หลังจากจบออกมาแล้วต้องไปทำงานอยู่คนเดียว ความรู้ที่เรียนมายังไม่แข็ง แต่ต้องไปคุมระบบทั้งโรงพยาบาล ทำทุกอย่างในระดับชุมชน ซึ่งก็ได้องคาพยพเครือข่ายแพทย์รุ่นพี่ที่เข้ามาช่วยกัน แม้เราจะเป็นกลไกเล็กๆ ในระบบการบริหารที่มีอำนาจต่ำที่สุดใน สธ. แต่ก็สามารถช่วยกันขยับขยาย นำความคิดออกมาขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพให้เกิดขึ้น

“ปัจจุบันปัญหาหลายอย่างก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นความเหลื่อมล้ำ หรือการคอร์รัปชัน ซึ่งตราบใดที่ปัญหาเหล่านี้ยังไม่หมดไป ขบวนการเคลื่อนไหวของแพทย์ชนบทก็ยังมีความจำเป็นต้องคงอยู่ อาจมีการปรับวิธีการไปตามช่วงเวลา แต่องค์ประกอบยังต้องอาศัยทั้งความเก่งและความกล้า กล้าในการที่จะออกมาเผชิญกับความท้าทาย รวมถึงแรงเสียดทาน เพราะสิ่งที่เราทำหลายอย่างเป็นการมองนอกกรอบ ซึ่งกลายเป็นความท้าทายที่ทำให้ผู้ใหญ่อาจไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไม่ทำตามแนวทางที่เขากำหนด” นพ.เกรียงศักดิ์ กล่าว

 

4

 

ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ขบวนการแพทย์ชนบท เป็นการรวมความคิดจากกลุ่มเครือข่ายไม่ว่าจะสหพันธ์ ชมรม หรือแพทย์ที่ทำงานในชนบท รวมทั้งกลุ่มต่างๆ อย่างกลุ่มสามพราน ที่เปรียบเสมือนวง Think Tank ของการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบสุขภาพ ที่มีเป้าหมายหลักเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ และต่อสู้กับคอร์รัปชัน โดยมีผลงานที่ก่อให้เกิดกฎหมายสำคัญในระบบสุขภาพอย่างน้อย 6 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมบุหรี่ การกำเนิดหน่วยงาน ส. ต่างๆ ตลอดจน พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ ล่าสุด ที่แสดงให้เห็นชัดว่านี่เป็นขบวนการทางความคิดที่สามารถสร้างรูปธรรม ผลักดันการทำงานจากพื้นที่ไปสู่การขับเคลื่อนเชิงนโยบายที่มีผลไปทั่วประเทศได้ จึงเป็นเหตุผลที่รางวัลแมกไซไซให้ความสำคัญและเชิดชูเกียรติ และเป็นรางวัลที่มีความหมายสำหรับพวกเราทุกคน

“เรามีชุดความคิดที่เป็นเอกเทศ เวลาเราเห็นสิ่งที่ไม่ใช่ เราก็มักจะให้ความเห็นออกไป ซึ่งในช่วงตลอด 20-30 ปีหลังมานี้เราให้ความเห็นต่อสังคมเยอะ และหลายอย่างก็เป็นความคิดเห็นที่ไม่ค่อยตรงกับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หรือรัฐบาล จึงทำให้ขบวนการแพทย์ชนบทถูกมองว่ามีความเป็นการเมืองขึ้นมา แต่ความจริงแล้วเราให้ความเห็นในเชิงประโยชน์สาธารณะ บนพื้นฐานที่มีข้อมูลด้วยเพราะเราเองก็คือ NGOs ใน GO ที่อยู่ในระบบราชการ สามารถเข้าถึงทรัพยากรและข้อมูลได้หลายอย่าง นั่นเป็นจุดแข็งที่ทำให้ขบวนการนี้ขับเคลื่อนมาได้ยืนยาวถึง 50 ปี และมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูประบบสุขภาพของประเทศเรื่อยมา” นพ.สุภัทร กล่าว

 

5

อนึ่ง รางวัลแมกไซไซ เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้มีผลงานดีเด่นต่อมนุษยชาติในทวีปเอเชีย ซึ่งมีการเริ่มให้รางวัลตั้งแต่ปี 2500 (ค.ศ. 1957) เพื่อระลึกถึงคุณความดีและความตั้งใจของประธานาธิบดีรามอน แมกไซไซ แห่งประเทศฟิลิปปินส์ โดยในปี 2567 มูลนิธิรางวัลแมกไซไซได้คัดเลือกผู้มีผลงานดีเด่นเข้ารับรางวัลจำนวน 5 รางวัล ให้กับ Karma Phuntsho จากภูฏาน, Miyazaki Hayao จากญี่ปุ่น, Nguyen Thi Ngoc Phuong จากเวียดนาม, Farwiza Farhan จากอินโดนีเซีย และขบวนการแพทย์ชนบท จากประเทศไทย โดยจะมีพิธีมอบรางวัลในวันที่ 16 พ.ย. 2567 ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์

 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม:  กลุ่มงานสื่อสารสังคม สช. Tel: 02-832-9141

 

 

รูปภาพ