ในระหว่างการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) สมัยที่ ๗๗ ณ สำนักงานสหประชาชาติ (Palais Des Nations) นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ ๒๘ พ.ค. ๒๕๖๗ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้มีส่วนร่วมในการจัดประชุมคู่ขนาน (Side Event) เรื่อง “ขับเคลื่อนหลักการสู่การปฏิบัติ...สร้างการมีส่วนร่วมของสังคม”
เป้าหมายของ Side Event ก็เพื่อกระตุ้นให้นานาประเทศขับเคลื่อนมติสมัชชาอนามัยโลก เรื่อง การมีส่วนร่วมของสังคมเพื่อหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตลอดจนสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ไปสู่การปฏิบัติ พร้อมกันนั้นยังเปิดตัววารสารวิชาการ Eurohealth ฉบับพิเศษ เรื่อง การมีส่วนร่วมของสังคม (Eurohealth: the value proposition for social participation) ที่ สช. ได้ร่วมกับ ‘นักวิชาการนานาชาติ’ เขียนเนื้อหาที่ให้รายละเอียดถึงเรื่องนี้เอาไว้เพิ่มเติมอีกด้วย
หนึ่งในนักวิชาการที่ร่วมเขียนก็คือ “Kira Koch” เจ้าหน้าที่เทคนิคในโครงการพิเศษด้านสาธารณสุขมูลฐาน องค์การอนามัยโลก (WHO) ซึ่งเธอคนนี้นับว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับ ‘กระบวนการมีส่วนร่วม’ เป็นอย่างดี ผ่านการเขียนเอกสารวิชาการออกมามากมาย โดยเธอได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจเอาไว้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของสังคม ที่นานาประเทศควรจะต้องมาขับเคลื่อนร่วมกันต่อจากนี้
เธอระบุว่า เวลาเราพูดถึงการมีส่วนร่วมของสังคม (Social participation) ในระบบสุขภาพ เรากำลังพูดถึงการสื่อสารสองทาง ซึ่งเป็นกระบวนการสนทนา สร้างปฏิสัมพันธ์ การแบ่งปันข้อมูลและประสบการณ์ระหว่างกัน เพื่อที่จะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจและแสวงหาแนวทางออกร่วมกัน ถึงวิธีที่จะสามารถนำไปใช้จัดการกับปัญหาหรือความท้าทายด้านสุขภาพนั้นๆ ได้
ส่วนถัดมาคือการเป็น ‘ข้อต่อ’ ที่จะเชื่อมไปสู่ระดับนโยบาย เพราะแม้ว่ากระบวนการมีส่วนร่วมของสังคมนั้นจะมีได้ในหลายระดับ หากแต่ความท้าทายสำคัญคือการแสวงหาถึงวิธีที่เราจะเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากข้อมูล รวมทั้งข้อเสนอแนะต่างๆ จากการมีส่วนร่วมเหล่านั้น ให้เข้าไปสู่กระบวนการตัดสินใจในเชิงนโยบาย ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดนโยบายหรือยุทธศาสตร์ด้านสุขภาพ ที่สนองตอบตรงกับความต้องการได้มากขึ้น
สุดท้ายคือประเด็นของความเท่าเทียม (Equity) หรือการมีส่วนร่วมที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่ม (Inclusive Participation) ซึ่งในทางหนึ่งก็คือความพยายามที่เราจะมุ่งเป้าไปยังประชากรกลุ่มเปราะบาง หรือคนชายขอบ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยจะมีเสียง และมักจะถูกทิ้งไว้อยู่ข้างหลัง ให้กลุ่มเหล่านี้ได้เข้ามามีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เมื่อมองถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการมีส่วนร่วมของสังคม เธอสรุปออกมาใน ๒ ประเด็น คือ ความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust) และ ความสามารถในการตั้งรับและปรับตัว (Resilience)
เธอระบุว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราต่างพบเห็นแล้วว่า โลกได้เผชิญหน้ากับความท้าทายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์โควิด-19 ปัญหาความเหลื่อมล้ำ หรือสถานการณ์ความขัดแย้งที่เพิ่มมากขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์โควิดคือ การมีส่วนร่วมของผู้คน ชุมชน ภาคประชาสังคม เป็นส่วนที่เข้ามาช่วยคลี่คลายสถานการณ์ลงไปได้
“แต่ความไว้เนื้อเชื่อใจนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างกันได้ภายในวันเดียว มันต้องใช้เวลา มีการวิเคราะห์หาว่าเราจะเข้าไปถึงใคร ใครคือตัวแทนของกลุ่มหรือชุมชนที่จะสามารถขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมเพื่อคลี่คลายสิ่งต่างๆ ได้ ดังนั้นเรื่องสำคัญคือ การมีส่วนร่วมของสังคมเป็นสิ่งที่จะต้องลงทุนสร้างกันตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าความสัมพันธ์ที่จะต้องเริ่มต้น หรือแพลทฟอร์มกลางที่จะต้องก่อตั้งขึ้น เพื่อรองรับการมีส่วนร่วมที่จะตามมาได้” Kira ให้ทัศนะ
ถัดมาที่ประเด็นความสามารถในการตั้งรับและปรับตัว เธอมองว่าการมีส่วนร่วมของสังคมจะช่วยสร้างระบบสุขภาพที่มีความคล่องตัว (Agile) สามารถเตรียมพร้อมเพื่อรองรับกับความท้าทายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคตได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการสร้างให้เกิดการมีส่วนร่วมของสังคม จะมีวิธีการอยู่มากมาย มีการมองไปถึงการพัฒนาศักยภาพ การสนับสนุนเชิงนโยบาย ฯลฯ แต่เธอยังมองว่าอีกสิ่งสำคัญที่แท้จริงคือ เราจะทำอย่างไรให้กระบวนการมีส่วนร่วมนี้เกิด ‘ความยั่งยืน’ อย่างในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา เราได้เห็นความริเริ่มหลายอย่างที่เกิดขึ้น มีการทดลองสร้างรูปแบบการมีส่วนร่วมต่างๆ ขึ้นมามากมาย แต่เราจะทำอย่างไรให้กระบวนการมีส่วนร่วมเหล่านั้น สามารถดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
“ประเทศไทยมีตัวอย่างที่ดีมากจาก พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่กำหนดให้มีกระบวนการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติเอาไว้ในกฎหมาย และมีหน่วยงานอย่าง สช. พร้อมบุคลากรกว่า ๘๐ ชีวิต ที่มีบทบาทในการเข้าไปหนุนเสริมทั้งในแง่ของศักยภาพและงบประมาณ ให้กับเครือข่ายองค์กรภาคประชาสังคม จึงทำให้บทบาทของภาคประชาสังคมไม่ใช่แค่การเข้ามาส่งเสียงเรียกร้องเท่านั้น แต่ยังได้เข้ามามีส่วนร่วมเพื่อเสนอหาทางออก และร่วมเป็นภาคีในการพัฒนานโยบาย” เธอให้ภาพ
Kira ยังขมวดเพิ่มเติมว่าท้ายที่สุดแล้ว ‘การมีส่วนร่วมของสังคม’ นั่นก็คือการจัดการกับ ‘ความไม่เท่าเทียม’ และการจัดการกับ ‘ความต้องการที่แตกต่างหลากหลาย’ ด้วยนั่นเอง
- 20 views