สานพลัง สร้างศักยภาพ ยกระดับ 280 กลุ่มเครือข่าย | สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ Skip to main content

   เวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๘ พ.ศ.๒๕๕๘ “สานพลังปัญญาและภาคี สร้างวิถีสุขภาวะไทย” ใกล้เข้ามาทุกขณะแล้ว ทาง คณะอนุกรรมการพัฒนาการจัดกลุ่มเครือข่ายและสนับสนุนการมีส่วนร่วม จึงจัดประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมสุชน ชั้น ๒ อาคารสุขภาพแห่งชาติ มุ่งหวังให้เวทีใหญ่ครั้งนี้ ทุกคน ทุกภาคส่วน ได้มาร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์มากที่สุด
 
   โดยทาง สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้รายงานถึงการปรับปรุงข้อมูลการจัดกลุ่มเครือข่าย พ.ศ.๒๕๕๘ ให้มีความทันสมัยและครอบคลุมกลุ่มต่างๆอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมเชิญเข้าร่วมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติครั้งที่ ๘ นี้ จำนวน ๒๘๐ กลุ่มเครือข่าย
 
   

กลุ่มเครือข่าย

จำนวนกลุ่มเครือข่าย

จำนวนเครือข่าย

จำนวนโควต้า

๑.กลุ่มเครือข่ายพื้นที่ (MA)

๗๗ กลุ่ม

๗๗ กลุ่ม

๗๗ กลุ่ม

๒.กลุ่มเครือข่ายภาคประชาสังคม ชุมชน และเอกชน (MK)

๗๔ กลุ่ม

๔๔๕ กลุ่ม

๔๕๙ กลุ่ม

๓. กลุ่มเครือข่ายภาควิชาชีพ วิชาการ (MK)

๓๘ กลุ่ม

๑๓๑ กลุ่ม

๑๙๒ กลุ่ม

๔. กลุ่มเครือข่ายภาคการเมือง ราชการ และองค์กรของรัฐ (MP)

๙๑ กลุ่ม

๒๙๔ กลุ่ม

๓๗๒ กลุ่ม

รวม

๒๘๐ กลุ่ม

๙๔๗ กลุ่ม

๑,๘๑๘ กลุ่ม

 
   “ภาคประชาสังคมที่มาเข้าร่วมงาน จะเข้าไปมีส่วนร่วมในหลายเวที ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทั้งที่เกี่ยวกับธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ การพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณเพื่อสุขภาพแบบมีส่วนร่วมในพื้นที่ และเวทีสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ดังนั้น คณะอนุกรรมการฯจะต้องพิจารณาว่า ถ้าเขามาร่วมแล้ว จะทำอย่างไรให้ได้รับประโยชน์กลับไปมากที่สุด” อ.ไชยยศ บุญญากิจ ประธานอนุกรรการฯระบุ
 
   ที่ประชุมเห็นว่า คณะอนุกรรมการฯ ยังสามารถเข้าไปเป็น “พี่เลี้ยง”ในการสร้างเสริมศักยภาพ ความร่วมมือ และการเตรียมความพร้อมของภาคส่วนต่างๆได้ มากกว่าการสังเกตการณ์เท่านั้น เช่น อาจเข้าไปแลกเปลี่ยนเพื่อทำความเข้าใจบทบาทหน้าที่ของกลุ่มเครือข่าย ตั้งแต่เวทีเตรียมความพร้อมก่อนงานสมัชชาใหญ่จะเริ่มขึ้น เพื่อสื่อสารการพัฒนานโยบายสาธารณะด้านสุขภาพแบบมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง
 
   โดย รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ปิติพร จันทรทัต ณ อยุธยา เสนอมุมมองน่าสนใจว่า ปัจจุบันนโยบายสาธารณะรูปแบบใหม่ จะต้องสร้างจากฐานราก คือจิตสำนึกของประชาชนจริงๆ ส่วนบทบาทของภาครัฐ ภาควิชาการ คือกลไกหนุนเสริมที่สำคัญเพื่อให้แนวทางที่ประชาชนต้องการเกิดขึ้นได้
 
   “ดังนั้น ถ้ามีการปรับจูนเป้าหมายทุกฝ่ายให้ตรงกันว่า การสร้างนโยบายสาธารณะที่ดี ก็เพื่อประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ก็จะเป็นมิติใหม่ในการทำงานร่วมกันที่ดีมาก”
 
   ดร.สุภาภรณ์ สงค์ประชา หนึ่งในอนุกรรมการ ที่ดูแลเกี่ยวกับการจัดทำแบบสอบถามประเมินความพึงพอใจการจัดประชุม “รวมพลังภาคีเครือข่าย สู่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๘ พ.ศ.๒๕๕๘” เพื่อให้ สช.ได้ส่งแบบสอบถามนี้ ไปยังเครือข่ายจำนวน ๒๓๓ คน พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามมา ๑๑๐ คน แบ่งเป็นภาคประชาสังคม ตอบกลับร้อยละ ๕๒ , ภาควิชาชีพ/วิชาการ ร้อยละ ๔๖ และ ภาคราชการ ร้อยละ ๔๒ ปรากฎว่า ส่วนใหญ่เคยเข้าร่วมงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติมาแล้ว และเข้าใจในกระบวนการสมัชชามากพอสมควร
 
   อย่างไรก็ตาม แต่ละภาคส่วนก็มีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของอนุกรรมการฯและสช.ทั้งสิ้น อาทิ ภาคประชาสังคม เห็นว่าการจัดประชุมทำได้ดีแล้ว แต่อยากให้มีข้อบังคับให้ทุกหน่วยงานอยู่ร่วมประชุมจนจบ เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างเต็มที่ ทั้งในและนอกห้องประชุม รวมทั้งเพิ่มเวลาการพูดคุยในกลุ่มที่มากกว่านี้
 
   “เป็นการเปิดโอกาสให้เรามีหัวข้อสนทนาอีกหลายเรื่อง นอกเหนือจากการนำเสนอในซุ้มต่างๆแล้ว เรายังได้รับความรู้ ได้เพื่อนร่วมทางและกำลังใจในการทำงานต่อไป” ขณะที่ภาควิชาชีพ/วิชาการ มีข้อเสนอแนะว่า อยากเห็นการทำงานที่เปิดให้ภาคีที่หลากหลายกว่าที่เป็นอยู่ และการจัดประชุมครั้งต่อไป ควรมีโจทย์หรือข้อมูลส่งไปให้ล่วงหน้า เพื่อทำความเข้าใจและหาข้อมูลเพิ่มเติมมาก่อน เนื่องจากเวลาที่แลกเปลี่ยนกันมีน้อย เช่นเดียวกับภาคราชการ ที่เสนอให้จัดกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้เครือข่ายเป็นระยะๆ และการขยายวงการมีส่วนร่วมให้กว้างขวาง แต่เน้นเชิงคุณภาพมากกว่าปริมาณ เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมได้รับทราบข้อมูลการประเมินผลนี้ว่า เป็นประโยชน์ในการพัฒนาการทำงานต่อไป

 

สำนักสื่อสารทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) 02-832-9143

รูปภาพ